[FEATURE] เปิด 9 สถิติสุดบู่ของ ลิเวอร์พูล กับเหตุผลที่ว่าทำไม คล็อปป์ ถึงยกธงขาวเสียแล้ว

ในบทสัมภาษณ์หลังเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปพ่าย เลสเตอร์ ซิตี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมได้ยอมรับว่าโอกาสในการไล่ตาม แมนฯ ซิตี้ คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะจนถึงปัจจุบันแชมป์เก่าถูกทิ้งห่างไปถึง 13 คะแนน แถมยังแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด เรามาย้อนดูสถิติของพวกเขาในฤดูกาลนี้ ที่เป็นต้นตอของปัญหาและความล้มเหลวที่เกิดขึ้นแก่ 'หงส์แดง' กัน
1. แต้มหล่นหายไปมากที่สุดสำหรับแชมป์เก่า
Liverpool after 24 games of the 2019-20 season:
— Squawka Football (@Squawka) February 13, 2021
◉ 70 points
Liverpool after 24 games of the 2020-21 season:
◉ 40 points
The worst points differential by a defending PL champion after 24 games in the competition's history. pic.twitter.com/0YphJs2j0i
เมื่อเทียบผลงานหลังผ่านไป 24 นัดของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้และฤดูกาลก่อนจะพบว่าพวกเขาทำแต้มหล่นหายไปมากถึง 30 แต้ม ซึ่งนับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมแชมป์เก่าแล้ว
2. แพ้-แพ้ -แพ้
Liverpool have lost three consecutive Premier League games for the first time under Jurgen Klopp. ? pic.twitter.com/SNU3urHWZH
— Squawka Football (@Squawka) February 13, 2021
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ของ คล็อปป์ ที่เขาพาทีมแพ้ถึง 3 เกมติดกัน ทั้งๆที่เมื่อรับช่วงต่อมาจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้เล่นในทีมยังไม่สามารถเทียบกับชุดนี้ได้เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้โปรแกรมนัดต่อไปพวกเขาจะต้องพบกับ ไลป์ซิก ที่ฟอร์มเรียกได้ว่าร้อนแรงไม่เบาเลย ก่อนจะตามมาด้วย เอฟเวอร์ตัน ที่คาดเดาอะไรไม่ได้อีกเช่นกัน ไม่แน่ คล็อปป์ อาจจะสร้างสถิติใหม่ให้ตัวเองอีกก็เป็นได้
3. มนต์ขลังที่หายไปของ แอนฟิลด์
นับตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2017 ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้าน พวกเขาก็ไม่แพ้ใครอีกเลยมาเกือบ 70 นัด ก่อนที่จะโดน เบิร์นลีย์ บุกมาเก็บ 3 แต้มได้ถึงถิ่นจนช็อิคกันทั้งบาง ทว่าช็อคได้ไม่นานก็กลายเป็นชิน(ชา)เพราะอีก 2 นัดเหย้าในบ้าน หงส์แดงก็แพ้รวด แถมโดนซัดไปเละทะถึง 6 ประตู โดยที่ยิงคืนได้ลูกเดียวจากจุดโทษของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
4. แนวรุกฟอร์มรูด
482 – Roberto Firmino’s goal was Liverpool’s first in the Premier League since December (Mane vs West Brom), ending the Reds’ run of 482 minutes and 93 shots without scoring in the competition. Alleviated. #TOTLIV pic.twitter.com/ArjzwrNqs9
— OptaJoe (@OptaJoe) January 28, 2021
ประตูของ ซาดิโอ มาเน ในนาทีที่ 12 กับ เวสต์บรอม เมื่อปลายเดือนธันวาคม ห่างจากลูกยิงเบิกร่องของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน ในเกมเอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในอีก 1 เดือนต่อมาถึง 482 นาที และต้องใช้โอกาสยิงมากถึง 93 ครั้งระหว่างนั้น ทั้งๆที่เหล่า 3 ประสานของ ลิเวอร์พูล ถูกขนานนนามว่าเป็นชุดแนวรุกที่อันตรายมากที่สุดชุดหนึ่งของ ยุโรป แท้ๆ
5. พลิกมาแพ้ทั้งๆที่ได้ประตูนำไปก่อน
Liverpool have lost a Premier League game after scoring first for the first time since April 2017 (1-2 vs. Palace).
— Squawka Football (@Squawka) February 13, 2021
The first time in almost four years. ? pic.twitter.com/Oc9YuA7RRx
หงส์แดง ไม่เคยแพ้เลยแม้แต่หนเดียวนับตั้งแต่ต้นปี 2017 จากการออกนำคู่แข่งไปก่อน ทว่าในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูล โดนยิงคืนถึง 3 เม็ดรวดในช่วงท้ายเกมทั้งๆที่ ซาลาห์ ช่วยยิงให้ทีมได้ออกนำไปก่อนแท้ๆ
6. อลิสซอน รั่วผิดวิสัย
Since joining their respective clubs:
— ESPN FC (@ESPNFC) February 13, 2021
Alisson has 7 errors leading to goals while Kepa has only made 3.
(h/t @LDNFootbalI) pic.twitter.com/WTipUguyWq
ใน 2 เกมหลัง อลิสซอน ทำพลาดจนเสียประตูถึง 3 ลูก(รวมตั้งแต่ย้ายมา 7 ลูก) ซึ่งเมื่อเทียบกับ เกป้า ของ เชลซี ที่มักจะถูกเอามาล้ออยู่บ่อยๆจะพบว่ามือกาวชาว สเปน ทำพลาดจนถึงแก่ประตูไป 3 ครั้งเท่ากันนับตั้งแต่ย้ายมายัง ลอนดอน ด้วยค่าตัวสถิติโลก
7. เปลี่ยนกองหลังไม่ซ้ำหน้า
นับตั้งแต่ที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ บาดเจ็บไปเมื่อต้นฤดูกาล เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่สามารถหาคู่หูเซ็นเตอร์แบ็คที่ลงตัวและยั่งยืนได้เลย โดยในฤดูกาลนี้เขาเปลี่ยนกองหลังไปมากถึง 13 ชุดด้วยกัน ซึ่งส่วนมากก็เกิดจากอาการบาดเจ็บที่มีมาอย่างไม่หยุดหย่อน และแน่นอนว่าในขณะที่ เบน เดวีส์ ยังไม่ได้ประเดิมสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว จำนวนคงจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ 13 อย่างแน่นอน
มาติป - ฟาบินโญ (6 นัด)
แนธ ฟิลลิป์ - ฟาบินโญ (3 นัด)
ฟาบินโญ - เฮนเดอร์สัน (3 นัด)
แนธ ฟิลลิปส์ - เฮนเดอร์สัน (3 นัด)
ฟาน ไดจค์ - โจ โกเมซ (3 นัด)
โจ โกเมซ - มาติป (2 นัด)
ฟาน ไดจค์ - ฟาบินโญ (1 นัด)
โจ โกเมซ - ฟาบินโญ (1 นัด)
โจ โกเมซ - แนธ ฟิลลิปส์ (1นัด)
มาติป - เฮนเดอร์สัน (1 นัด)
วิลเลียมส์ - ฟาบินโญ (1 นัด)
คาบัค - เฮนเดอร์สัน (1 นัด)
ฟาน ไดจค์ - มาติป (11 นาที)
8. เครื่องร้อนช้า
18 - Up to the end of 2020, Liverpool had scored more first-half goals than any other Premier League side this season (18). Since the turn of the year, only Burnley (0) have scored fewer in the opening 45 minutes than the Reds (1). Fluctuation. #LEILIV pic.twitter.com/bb4Fbtj6dI
— OptaJoe (@OptaJoe) February 13, 2021
หนึ่งในเอกลักษณ์ของ คล็อปป์ คือการเปิดเกมได้ไว โดยใรปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล ยิงประตูได้ในครึ่งแรกมากกว่าทุกทีมใน พรีเมียร์ลีก ทว่าเมื่อเข้าสู่ปี 2021 มีเพียง เบิร์นลีย์ เท่านั้นที่ทำประตูในครึ่งแรกได้น้อยกว่าพวกเขา (เบิร์นลีย์ : 0, ลิเวอร์พูล : 1)
9. ติอาโก้ ตัวนำโชค(ร้าย)
Liverpool when Thiago has played 60+ mins in the Premier League this season:
— Squawka Football (@Squawka) February 13, 2021
◉ 9 games
◉ 5 defeats
◉ 2 draws
◉ 2 wins
A 22% win-rate with him in the team. ? pic.twitter.com/pjamuLrjEv
ตอนที่ ลิเวอร์พูล ประกาศคว้าตัว ติอาโก้ มาจาก บาเยิร์น มิวนิค ทุกคนคาดการณ์กันว่า แชมเปี้ยนแห่งเกาะ อังกฤษ ได้ยกระดับทีมตัวตัวเองขึ้นไปอีกขั้นเพราะแข้งชาว สเปน เป็นตัวหลักช่วยพา เสือใต้ คว้าถ้วยรางวัลได้เป็นว่าเล่น ซึ่งรวมไปถึงทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วย ทว่าที่ แอนฟิลด์ เขากลับเป็นเสมือนตัวโชคร้ายของทีม จากการลงสนามไป 9 นัด ต้นสังกัดแพ้ไปถึง 5 เกม และเก็บชัยไปได้แค่ 2 เกมเท่านั้น
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด