สิ่งที่เห็นจาก 10 เกมแรกของ รังนิค ในฐานะผู้จัดการทีม แมนยู - FEATURE
ราล์ฟ รังนิค คุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว 10 เกม
โดยระหว่าง 10 เกมนั้น เขาได้พาทีมไต่ขึ้นจากอันดับที่ 7 ไปสู่อันดับ 4 ด้วยสถิติ: ชนะ 6 เกม เสมอ 3 และแพ้ 1
ใน พรีเมียร์ลีก เชาเก็บไปได้ 17 แต้มจาก 24 โดยชนะ 5 จาก 8 เกม รวมไปถึงการผ่านเข้ารอบที่สี่ของ เอฟเอ คัพ ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดีตำแหน่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้รับการการันตีตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้ามาแล้ว
ประตูอาจจะยังไม่มากมาย เพราะ ยูไนเต็ด ยิงได้เพียง 14 ประตูและเสีย 7 ลูกจาก 10 นัด โดยทำมากกว่าหนึ่งประตูต่อเกมเดียวเพียงสองครั้ง
1. 4-2-2-2 ไม่เวิร์ค!
กุนซือชาว เยอรมัน มาพร้อมกับแทคติกที่เขาใช้สมัยทำงานที่ ไลป์ซิก - ทว่าหลังชัยชนะเหนือ คริสตัล พาเลซ ในเกมแรก มันก็ชัดเจนว่าแผนนี้ไม่เวิร์คอย่างแรง
วูล์ฟส เล่นงานพวกเขาเสียอยู่หมัดและนั่นก็ทำให้ รังนิค ต้องตาสว่างเริ่มปรับเปลี่ยนอะไรดูบ้าง และไม่ว่ามันจะเพราะช่องโหว่ของแทคติกหรือความไม่เข้าขากันของผู้เล่นก็ตาม
ท้ายที่สุดทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเมื่อปรับมาเป็น 4-3-3 แบบใน 3-4 เกมหลัง
2. ตรงไปตรงมา
ไม่ต้องดราม่ามากเหมือน โจเซ มูรินโญ หรือปกป้องผู้เล่นตัวเองและตอบคำถามด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้าเสมอแบบ โซลชา
รังนิค ตรงไปตรงมาเสมอเมื่อถูกยิงคำถามเข้าใส่ - ตั้งแต่การถอด โรนัลโด้ ออกจากสนาม ไปจนถึงข้อเท็จจริงที่ว่า มาร์กซิยาล อยากจะย้ายทีมก็ตาม
3. ปรับเปลี่ยนแผงหลัง
วาน-บิซซาก้า ถูกเมินโดย รังนิค และเป็น ดิโอโก ดาโลต์เ ที่เกือบจะได้ย้ายทีมช่วงซัมเมอร์ที่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงมาได้อย่างต่อเนื่อง
แม้เกมรับอาจจะถือว่าไม่น่าประทับใจนักแต่ ดาโลต์ พยายามเดินหน้าช่วยเติมเกมอยู่เสมอและทำมันอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเมื่อเทียบกับอดีตแข้ง พาเลซ
ที่ฝั่งซ้ายมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเช่นกัน โดย อเล็กซ์ เตลเลส ดูจะมีภาษีเหนือกว่า ลุค ชอว์ นิดๆในสายตาของ รังนิค แต่ก็อีกนั่นแหละ อาจจะเป็นเพียงเพราะแข้งชาว อังกฤษ แค่ไม่ฟิตก็เป็นได้
4. ไม่มีอะไรเปลี่ยนสำหรับ เดอ เบ็ค
เปลี่ยนแทคติกก็แล้ว เปลี่ยนสไตล์การเล่นก็แล้ว แต่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ก็ยังไม่ได้ออกสตาร์ทเกมลีกให้กับ รังนิค เลย
ดังนั้นทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ของตัวเองได้ คงหนีไม่พ้นการย้ายออกไปแล้วแหละ
5. กล้าได้กล้าเสีย
โอเค! 14 ประตูใน 10 เกมอาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่น่าประทับใจมากนัก แต่อย่างน้อยเราก็ได้ประจักษ์แล้วว่า รังนิค กล้าที่จะใส่เต็มหากเขาต้องการประตู
ตอนโดน นิวคาสเซิล นำ เขาปรับแผนมาเป็น 4-1-3-2 จนได้ประตูตีเสมอในที่สุด หรือล่าสุดกับ เวสต์แฮม เขาก็กล้าจะส่งแนวรุกที่มีบนม้านั่งลงมาทั้งหมดจนทั้งหมดทั้งมวลช่วยกันประสานงานทำประตูชัยในช่วงทดเจ็บจนได้
6. เฟร็ด ได้เกิดใหม่
รังนิค เป็นคนที่ใช้งาน เฟร็ด ได้ผลดีมากที่สุดและมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเมื่อ 1 เกมที่พวกเขาแพ้เป็นเกมที่แข้งชาว บราซิล ไม่ได้อยู่ในสนาม
เฟร็ด ได้รับอิสระในการเติมเกมมากขึ้นและนั่นก็ส่งผลให้เขาทำไปถึง 3 แอสซิสต์ใน 4 เกมหลังและยิงประตูได้อีกด้วย
7. กับ โรนัลโด้
ผลงานการทำประตูของ โรนัลโด้ ไม่ดีขึ้นเลย และบ่อยครั้งที่เราเห็นเขาต้องร่อนเร่ไปทั่วสนามเพื่อเชื่อมเกมหรือลงมาล้วงบอลเองจนทำให้เกมรุกของทีมขาดความอันตรายไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อขาดตัวป้อนดีๆเฉกทุกวันนี้ มันคงยากที่จะได้เห็นเขายิงกระจุยกระจายแบบที่แล้วมา
8. ให้โอกาสดาวรุ่ง
หาก โซลชา ยังอยู่ แอนโธนี อีลังก้า คงถูกส่งออกไปให้ทีมอื่นใช้งานแบบยืมตัวไปแล้ว และอันที่จริงมันก็ รังนิค นั่นแหละที่กระโดดขวางไม่ให้ดาวเตะชาว สวีเดน ย้ายทีมหลังเห็นแววเขาในการฝึกซ้อม
จาก 10 เกม - อีลังก้า ได้ออกสตาร์ทถึง 4 เกมด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเขาพร้อมที่จะให้โอกาส ฮันนิบาล เมจบรี มากขึ้นหลังกลับมาจาก AFCON อีกด้วย