ย้อนดูเส้นทางที่มีแต่ขาลงของ มาริโอ บาโลเตลลี่ หลังย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - FEATURE

Galatasaray v Adana Demirspor- Turkish Super Lig
Galatasaray v Adana Demirspor- Turkish Super Lig / Seskim Photo/MB Media/GettyImages
facebooktwitterreddit

ชื่อของ มาริโอ บาโลเตลลี่ แทบจะหายไปเลย หากไม่เพราะคลิปการทำประตูของเขาในเกมล่าสุดกลายเป็นไวรัลในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะลีลาและการจบสกอร์ที่เหนือชั้น

โดยในเกมดังกล่าวต้นสังกัดของเขา อดานา เดมิสปอร์ เป็นฝ่ายเปิดบ้านเอาชนะ กอซเทเป้ ไปได้อย่างขาดลอยถึง 7-0 แถมเจ้าตัวยังยิงคนเดียวถึง 5 เม็ดอีกด้วย

มันยากที่จะเชื่อว่าตอนนี้เขามีอายุเพียง 31 ปี เท่านั้น และมันก็ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่อดีตดาวรุ่งชาว อิตาเลียน คนนี้ย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมฝากความยียวนเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน เช่นเดียวกับประตูสำคัญๆและการเป็นผู้แอสซิสต์ให้กับ กุน อเกวโร ในประตูที่ทำให้อดีดต้นสังกัดหักหน้า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองเป็นสมัยแรกได้อย่างเหนือความคาดหมาย

ทุกอย่างบ่งชี้ว่าเขามีดีพอที่จะเทียบชั้นแข้งระดับอ๋องอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่เป็นเช่นนั้น - แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา?


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

Manchester City's Italian striker Mario
Manchester City's Italian striker Mario / ANDREW YATES/GettyImages

ผ่านไปเพียงสองฤดูกาลครึ่ง เขาก็โดนเขี่ยออกมาจากทีมเพราะความไร้ระเบียบวินัยทั้งนอกและในสนามที่ทำให้เขาพลาดลงเล่นช่วยต้นสังกัดไปถึง 11 เกมในฤดูกาล 2012/13

เอซี มิลาน

FBL-ITA-SERIEA-AC MILAN-BALOTELLI
FBL-ITA-SERIEA-AC MILAN-BALOTELLI / AFP/GettyImages

บาโลเตลลี่ ย้ายมายัง เอซี มิลาน หน้าตาเฉย ทั้งๆที่เคยค้าแข้งอยู่กับ อินเตอร์ - กระนั้นเขาก็ประเดิมสนามด้วยการยิงไปถึง 2 ประตู และจบครึ่งฤดูกาลแรกของตัวเองใน อิตาลี ด้วยการทำไป 12 ประตูจาก 13 เกม

ในฤดูกาลถัดมา เขายังคงรักษาฟอร์มในสนามของตัวเองเอาไว้ได้ ด้วยการทำไป 14 ประตูจาก 30 เกมลีก จนถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ ลิเวอร์พูล ในขณะนั้นหมายหัวเอาไว้ให้มาเป็นตัวแทนของ หลุยส์ ซัวเรซ

ลิเวอร์พูล

การกลับไปยัง พรีเมียร์ลีก ครั้งนี้ของเขาไม่ค่อยสวยนัก เพราะ บาโลเตลลี่ แทบจะหลุดฟอร์มไปไกลเลย ทั้งจากการเล่นไม่เข้าระบบ ไปจนถึงการขาดตัวป้อนบอลให้

ท้ายที่สุดเขาทำไปได้แค่ 4 ประตูเท่านั้น ก่อนจะยอมรับในภายหลังว่าการย้ายออกจาก มิลาน เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดของเขาแล้วก็ว่าได้

เอซี มิลาน

การย้ายกลับมายัง มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวก็ไม่อาจช่วยกอบกู้ความมั่นใจของเขาเอาไว้ได้ หนำซ้ำยังมาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุด บาโลเตลลี่ ก็ทำได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น

ที่แย่ยิ่งกว่า คือก่อนที่จะหมดสัญญายืมตัวและกลับมายังสังกัดแม่ เขากลับได้รับการยืนยันจาก เยอร์เกน คล็อปป์ ว่าให้หาทีมใหม่ได้เลย เพราะสไตล์การเล่นของเขาไม่เข้ากับฟุตบอลแบบฉบับเฮฟวี่เมทัลที่กุนซือชาว เยอรมัน ต้องการจะให้เป็นระบบหลักของ หงส์แดง

ท้ายที่สุด เขาไม่ได้แม้แต่จะพิสูจน์ตัวเองในช่วงพรีซีซั่นและจำต้องหาทีมใหม่ในบัดดล

นีซ

Paris Saint-Germain v OGC Nice - Ligue 1
Paris Saint-Germain v OGC Nice - Ligue 1 / Anadolu Agency/GettyImages

ในที่สุด บาโลเตลลี่ ก็กลับมาเข้าฝักอีกครั้ง หลังประเดิมสนามด้วยการยิงเบิ้ลอีกแล้ว แถมในฤดูกาลถัดมาเจ้าตัวยังยิงได้ถึง 26 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดที่เขาทำได้ต่อฤดูกาลตลอดอาชีพการค้าแข้งของตัวเองเลยก็ว่าได้

ฟอร์มของเขาทำให้ โอลิมปิก มาร์กเซย ต้องหันมามองและพยายามยื่นข้อเสนอให้ นีซ พิจารณา - ทว่า ปาทริค วิเอรา ต้องการจะสร้างทีมเพื่อโอกาสในการเล่นฟุตบอล ยุโรป มากกว่าที่จะขายเขาออกไปเพื่อแลกกับเงินก้อนโต

น่าเสียดายที่ตัวนักเตะไม่คิดเช่นนั้น เขาบีบให้การย้ายทีมเกิดขึ้นด้วยการเข้ามารายงานตัวสายในสภาพที่น้ำหนักเกินและทำตัวมีปัญหาตลอดจนถึงขนาดผู้จัดการทีมยังให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่าเหลืออดแล้วจริงๆ

มาร์กเซย

การย้ายไปยัง โอแอม เกิดขึ้นสมใจอยากเขาจนได้ในตลาดหน้าหนาวปี 2019 หลังทั้งสองเห็นควรว่าการยกเลิกสัญญาจะส่งผลดีที่สุด

บาโลเตลลี่ ยิงได้ในเกมประเดิมสนามอีกแล้ว แม้มันจะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ 2-1 ต่อ ลีลล์ ก็ตามที เขาเดินหน้ายิงประตูให้ต้นสังกัดใหม่รวมแล้ว 8 ประตูจาก 15 เกม พร้อมเป็นที่รักใคร่ของแฟนบอล

ทว่า อันเดร วิลลาส โบอาส ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน รูดี้ การ์เซีย ไม่เห็น บาโลเตลลี่ อยู่ในแผนการทำทีมของตัวเอง จึงร้องต่อบอร์ดให้ไม่ต้องต่อสัญญากับเขา และแม้จะฟอร์มดีแค่ไหน แถมยังย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว การย้ายทีมหนต่อไปของ บาโลเตลลี่ ก็ดูจะกินเวลาพอสมควรเลย

เบรสชา

ทีมน้องใหม่ของ เซเรีย อา ในตอนนั้น ยื่นมือเข้ามาให้โอกาส ซูเปอร์ มาริโอ ได้กลับมาโลดแล่นในดินแดนบ้านเกิดของตัวเอง

น่าเสียดายที่มันไปไม่สวยนัก เพราะสภาพความพร้อมของทีมดูจะไม่เอื้อต่อเขาเอาเสียเลย ประกอบกับเหตุการณ์ที่เจ้าตัวโดนเหยียดผิวอย่างโจ่งแจ้งถึงสองครั้งสองคราจนต้องวอล์คเอาท์ออกจากสนามไป

ท้ายที่สุด เขาไม่อาจช่วย เบรสชา จากการตกชั้นได้ ซึ่งก็หมายความว่าเงื่อนไขการต่อสัญญาจึงไม่ถูกบังคับใช้เช่นเดียวกัน และ บาโลเตลลี่ ก็กลับไปเป็นนักเตะไร้สังกัดอีกจนได้

มอนซ่า

Mario Balotelli, Kevin Prince-Boateng
AC Monza v US Salernitana - Serie B / Jonathan Moscrop/GettyImages

ไร้สังกัดอยู่หลายเดือนเลย ในที่สุดเขาก็ได้รับสัญญาระยะสั้นเพียง 7 เดือนจาก มอนซ่า ทีมใน เซเรีย บี ซึ่งเป็นโอกาสอันดีให้เขากลับมาเจอเพื่อนเก่าอย่าง เควิน พรินซ์ บัวเต็ง

บาโลเตลลี่ ยิงได้ตั้งแต่เกมแรก แต่ฟอร์มโดยรวมก็อาจจะไม่ได้เลิศหรูนัก สุดท้ายจาก 12 เกมเขาทำได้เพียง 5 ประตู เพราะโดนอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอยู่หลายหนเหมือนกัน

เมื่อจบฤดูกาล เขาก็จำต้องเห็บกระเป๋าย้ายทีมอีกครั้ง...นี่ละน้อ ที่เขาเรียกว่าชีพจนลงเท้า

อดานา เดมิสปอร์

ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกแล้ว เมื่อ บาโลเตลลี่ ย้ายไปร่วมทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่อย่าง อดานา เดมิสปอร์ โดยที่เขาทำไปถึง 18 ประตูจาก 31 เกมลีกโดยที่ 5 ประตูมาจากเกมนัดปิดฤดูกาลจากการพบกับ กอซเทเป้ และพาต้นสังกัดจบอันดับ 9 เหนือยักษ์หลับอย่าง กาลาตาซาราย ได้สำเร็จ