เมซุต โอซิล กับความล้มเหลวในการเดินตามฝัน - FEATURE
ในเดือนตุลาคม 2020 เมซุต โอซิล ผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ อาร์เซนอล ถูกตัดชื่อทิ้งออกจากทีมในการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก
การตัดสินใจที่ไร้ความปรานีจากผู้บริหารระดับสูงของสโมสรพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาตัดสินใจยุติช่วงเวลา 7 ปีที่ยอดเยี่ยมและ 77 แอสซิสต์ใน 218 เกมใน ลอนดอน ลง
จากการลงเล่นในทุกเกมใน พรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า นับตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งในเดือนธันวาคม 2019 สู่การถูกเฉดหัวส่งออกจาก เอมิเรตส์ ในช่วงของการแพร่ระบาดของ โควิด
การปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในชัยชนะ 1-0 เหนือ เวสต์แฮม ต่อหน้าแฟนๆ 60,000 คน เอมิเรตส์ ไม่นานก่อนล็อคดาวน์
โอซิล ไม่ขอนั่งดูเพื่อนๆข้างสนามและรอรับเงินค่าแรงก้อนโตในอีก 6 เดือนสุดท้ายของเขาและตัดสินใจที่จะย้ายออกไปในเดือนมกราคม มันไม่ใช่การอำลาที่สวยงามนักสำหรับผู้เล่นที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ถึงสามสมัย หากพิจารณาจากความลิงโลดของแฟนๆเมื่อทราบว่าทีมรักของพวกเขากำลังจะได้ตัวหนึ่งในเพลย์เมคเกอร์ที่เก่งที่สุดของโลกมาจาก เรอัล มาดริด เมื่อหลายปีก่อน
ยากที่จะเข้าใจจริงๆว่าเป็นเพราะเขาฟอร์มตกหรือปัจจัยอื่นๆกันแน่ที่ทำให้ โอซิล ไม่ได้โอกาสลงสนามอีกเลย
หลังเจรจากันอยู่สักพัก ในที่สุด อาร์เซนอล ก็ยอมยกเลิกสัญญาเพื่อให้ โอซิล ได้ย้ายไป เฟเนร์บาห์เช สมใจอยากในเดือนมกราคม 2021
“ผมตื่นเต้นมากเพราะผมเป็นแฟนตัวยงของ เฟเนร์บาห์เช มาตลอด เสมือนความฝันของผมเป็นจริงขึ้นมาเลย” เขากล่าวหลังจากมาถึง ตุรกี “นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตื่นเต้นมากที่ได้สวมเสื้อตัวนี้ ผมหวังว่าฉันจะประสบความสำเร็จกับเพื่อนร่วมทีมของผม”
เขาได้ย้ายไปเล่นร่วมกับอดีตผู้เล่นเก่าใน พรีเมียร์ลีก อย่าง เอนเนอร์ วาเลนเซีย และ ปาปิส เดมบา ซิสเซรวมถึง หลุยส์ กุสตาโว กองกลางชาว บราซิล มากประสบการณ์
มันเป็นช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลที่ขึ้นๆ ลงๆ สำหรับเ ฟเนร์บาห์เช โดยพวกเขาแพ้ถึงสี่จากเจ็ดเกมลีกหลังสุดในปี 2020 แต่ก่อนที่ โอซิล มาถึง พวกเขาก็กลับมาผงาดอีกครั้ง พร้อมเก็บไปถึง 19 จาก 21 แต้มเต็มและกลับมาคั่วแย่งแชมป์ลีกที่หัวตารางอีกครั้ง
แม้จะมีอาชีพการค้าแข้งอันรุ่งโรจน์ แต่ โอซิล เพิ่งคว้าแชมป์ลีกได้เพียงหนเดียวเท่านั้น นั่นคือตอนอยู่กับ เรอัล มาดริด ในยุคของโจเซ มูรินโญ ฤดูกาล 2011-12 โดยเขาได้ทำไปคนเดียว 17 แอสซิสต์ให้กับ ลอส บลังโกส ขณะที่ทีมของเขาสร้างสถิติในการทำไปมากถึง 121 ประตูและเก็บ 100 คะแนนใน ลาลีกา
เอรอล บูลุต โค้ชของ เฟเนร์บาห์เช ตัดสินใจไม่ส่ง โอซิล ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนัดสำคัญในบ้านกับ กาลาตาซาราย ก่อนจะส่งเขาลงสนามพร้อม ปาปิส ซิสเซ หลังผ่านไป 60 นาที ขณะตามหลังอยู่ 1-0
โอซิล ไม่สามารถช่วยอะไรทีมของเขาเอาไว้ได้และต้องยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ที่ส่งผลให้ร่วงจากตำแหน่งจ่าฝูงมาอยู่ที่สาม
จากนั้น บูลุต ก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมเซ่นผลงานที่ไม่สู้ดีนักโดย เอ็มเร เบโลโซกลู อดีตมิดฟิลด์ตัวรับเข้ามาคุมทีพขัดตาทัพแทนไปจนจบฤดูกาล - เบซิคตัส เป็นแชมป์ ส่วน กาลาตาซาราย ได้รองแชมป์
อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าทำให้ โอซิล ได้ลงเล่นเพียง 10 เกมเท่านั้นในช่วงครึ่งฤดูกาลนั้น แถมเจ้าตัวยังยิงประตูไม่ได้เลยและแอสซิสต์เพียงหนเดียวเท่านั้นซึ่งก็มาเอาในนาทีที่ 93 ของเกมที่แพ้ ซิวาสส์สปอร์ 2-1
นี่นับว่าเป็นปีที่แย่ที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของเขาแล้ว เพราะมันไม่เหลือเค้าเดิมของการเป็นยอดนักแอสซิสต์ให้เห็นเลย
เปิดศักราชใหม่อย่างไฉไล
นักเตะวัย 32 ออกสตาร์ทฤดูกาล 2021-22 ด้วยการยิงประตูแรกของตัวเองได้ในชัยชนะ 1-0 ต่อ อดานา เดมิสปอร์ ตั้งแต่นัดเปิดลีกพร้อมระเบิดอารมณ์แสดงความดีใจออกมาอย่างเต็มที่
สัปดาห์ถัดมาเขาถูกส่งลงสนามมาจกม้านั่งสำรองเพื่อทำ 1 แอสซิสต์ให้ วาเลนเซีย ยิงประตูปิดกล่องในช่วงทดเจ็บกับ แอนตัลยาสปอร์ ก่อนจะยิงประตูที่สองในเกม ยูโรปาลีก ที่เสมอกับ แฟรงค์เฟิร์ต 1-1
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียหมด เพราะ โอซิล ได้ลงสนามเพียง 3 จาก 8 เกมลีกเท่านั้น แต่ 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์จากการลงสนามเพียง 500 นาทีก็นับว่าไม่เลวนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมของเขาซึ่งนำโดย วิตอร์ เฟเรย์รา กำลังทำผลงานได้ดีทีเดียวจากการเก็บชัยไปถึง 6 เกมและกำลังนำเป็นจ่าฝูงอยู่
มันคงจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าช่วงเวลาของเขาใน ตุรกี ประสบความสำเร็จหรือไม่ - แต่อย่างน้อยเราก็ควรจะดีใจหาก โอซิล สามารถกลับมาเล่นได้ด้วยความมั่นใจและมีความสุขกับการลงสนามอีกครั้ง
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด