มาริโอ เกิทเซ่ กับเส้นทางหลัง ฟุตบอลโลก จนถึงการปฏิเสธ ลิเวอร์พูล และปัจจุบันที่ได้เป็นตัวหลักของ พีเอสวี - FEATURE
เราเกือบจะลืม มาริโอ เกิทเซ่ ไปเสียสนิทเลย หากไม่มีข่าวออกมาว่า เบนฟิก้า กำลังจะเจรจาเพื่อเซ็นสัญญานำเขาไปร่วมทีมจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน
เพลย์เมคเกอร์ผู้ยิงประตูในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 ในช่วงต่อเวลากับ อาร์เจนตินา และพาทีมชาติ เยอรมนี คว้าแชมป์มาครองลงเล่นให้กับ 'ทัพอินทรีเหล็ก' เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี 2017 หรือก็คือเกือบ 5 ปีที่แล้วนั่นเอง
มันเคยมีบางช่วงที่เขาเกือบจะแขวนสตั๊ดก่อนวัย ดังเช่นเพื่อนร่วมชาติอย่าง อันเดร เชอร์เล หรือ เควิน โกรสครอยซ์ ก่อนที่การตัดสินใจย้ายไปเล่นใน เอเรดิวิซี่ จะเป็นการทำให้เขาได้กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยความมั่นใจได้อีกครั้งหนึ่ง
เกิทเซ่ อายุเพียง 22 ปี เท่านั้นในทัวร์นาเม้นต์ที่ บราซิล โดยที่ในตอนนั้นเขาดูจะก้าวหน้านำคนอื่นไปไกลพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ บาเยิร์น มิวนิค ได้ยื่นมือเข้ามาชักชวนเขาย้ายข้ามฟากไปเล่นด้วย
ในฤดูกาล 2012/13 ปีเดียวหลังเจ้าตัวคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา สมัยแรกมาได้กับ เยอร์เกน คล็อปป์ - เขายังคงเป็นคนสำคัญของทีมและทำไป 5 แอสซิสต์ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ขณะที่ต้นสังกัดของเขาทะลุไปถึงรอบชิงได้จากการเอาชนะ เรอัล มาดริด มาแบบเหนือความคาดหมาย
แต่ก่อนหน้านั้น บาเยิร์น เพิ่งจะประกาศจ่ายค่าฉีกสัญญามูลค่า 31.5 ล้านเพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งตามมาด้วยถ้อยแถลงแสดงความไม่พอใจจาก ฮานซ์ โยอาคิม วัตซ์เค ประธานของสโมสรในขณะนั้น เพราะรู้สึกว่าช่วงเวลาช่างไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
น่าเสียดายที่ อาการบาดเจ็บทำให้ เกิทเซ่ ไม่อาจลงเล่นเจอกับทีมใหม่ของเขาได้ในรอบชิงที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของ ดอร์ทมุนด์
ฤดูกาลแรกของเขาเป็นไปได้ด้วยดี ก่อนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะเข้ามาพร้อมกับใช้งานเขาน้อยลงเรื่อยๆ จนต้องตกเป็นเพียงแข้งสำรองถาวร
ในปี 2016 เกิทเซ่ มีสองทางเลือก คือการกลับไปยัง ดอร์ทมุนด์ หรือย้ายไป ลิเวอร์พูล เพื่อรียูเนี่ยนกับ คล็อปป์ - เขาเลือกอย่างแรก
"เราติดต่อกันมาโดยตลอดและ คล็อปป์ ได้เชิญชวนผมไปยังสโมสรใหม่ของเขา แต่ในตอนนั้นผมตัดสินใจพลาด ผมควรจะไป ลิเวอร์พูล แต่หากถามว่าเสียดายไหมก็คงต้องบอกว่าไม่หรอก" เกิทเซ่ เผยกับ เดลีเมล
การกลับไปยัง ดอร์ทมุนด์ ไม่ได้เป็นดั่งเทพนิยายเมื่อเขาไม่อาจสร้างอิมแพคท์ให้กับทีมได้เท่าเดิมอีกแล้ว โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่แทคติกที่เปลี่ยนไปก่อนจะตามมาด้วยอาการป่วยโรคระบบเผาผลาญผิดปกติที่ส่งผลให้เขามีเจ็บกล้ามเนื้อออดๆแอดๆมาโดยตลอด
การฟื้นตัวกินเวลาร่วมปี แต่เขาก็กลับมาติดทีมชาติได้อีกครั้งช่วงปลายปี 2017 ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายออกมาเป็นคำรบที่สองในปี 2020 เพราะควาญหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอเลย
ในตอนนั้นทีมระดับท็อปของ ยุโรป ต่างก็ไม่กล้าเสี่ยงให้โอกาสกับ เกิทเซ่ อีกแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลว จนทำให้เจ้าตัวถึงกับเฟลไปพักใหญ่
อย่างไรก็ดี ช่วงเดือนตุลาคม พีเอสวี ก็ยื่นมือเข้ามาและไม่รู้ว่าเพราะความคาดหวังที่ต่ำลงหรือเพราะย้ายมาเล่นในลีกที่เล็กลง แต่ เกิทเซ่ กลับมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งกับ โรเจอร์ ชมิดท์
ฤดูกาลแรกเขาลงเล่นไป 26 เกม ก่อนที่จะลงเล่นมากขึ้นอีกเกือบเท่าตัวในฤดูกาลถัดมากับบทบาทที่คล้ายคลึงกับสมัยเล่นที่ ดอร์ทมุนด์
ในวัย 30 ปี เกิทเซ่ กำลังจะได้ก้าวไปอีกขั้น แม้จะเป็นก้าวเล็กๆแต่อย่างน้อยเขาก็กำลังมีความสุข ความสุขที่เขาสมควรจะมี หลังผ่านช่วงเวลาที่ทั้งขึ้นทั้งลงดุจโรลเลอร์โคสเอร์ตลอดเกือบทศวรรษที่ผ่านมา