อิตาลี เจ้าของสถิติไร้พ่ายนานสุดในเกมระดับชาติ - FEATURE

Italy v Lithuania - 2022 FIFA World Cup Qualifier
Italy v Lithuania - 2022 FIFA World Cup Qualifier / Jonathan Moscrop/Getty Images
facebooktwitterreddit

นอกจากจะรั้งตำแหน่ง "เบอร์หนึ่ง" ในเกมระดับชาติของทวีปยุโรปจากการคว้าแชมป์ยูโร 2020 ได้สำเร็จ ตอนนี้ "อัซซูรี่" อิตาลี ได้จารึกชื่อเป็นเจ้าของสถิติโลกได้อีกหนึ่งรายการ นั่นก็คือการยึดบัลลังก์เป็นทีมลูกหนังที่ไร้พ่ายในเกมระดับชาติได้แบบยาวนานที่สุดด้วยจำนวน 36 นัดติดต่อกัน โดยนับจนถึงเกมที่ลงสนามเมื่อวันที่ 4 กันยายนปี 2021 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป นัดที่บุกไปเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ แบบไร้สกอร์ 0-0 นั่นเอง และได้ต่อยอดไปจนถึงนัดที่ 37 จากเกมที่เปิดบ้ายไล่ถล่ม ลิทัวเนีย 5-0 ได้อีกต่างหาก

Italy v Lithuania - 2022 FIFA World Cup Qualifier
Italy v Lithuania - 2022 FIFA World Cup Qualifier / Claudio Villa/Getty Images

ก่อนหน้านี้ทัพลูกหนัง "แซมบ้า" บราซิล กับ "กระทิงดุ" สเปน ซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นถึง 2 อดีตทีมแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถือครองสถิติไร้พ่ายในเกมระดับชาติแบบยาวนานที่สุดถึง 35 เกมติดต่อกันเท่ากันพอดีเลย โดย บราซิล เป็นทีมแรกที่ได้ยึดสถิตินี้ในช่วงระหว่างปี 1993-1996 หรือในช่วงที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 1994 นั่นเอง ส่วน สเปน เป็นทีมที่ 2 ที่ทำได้ในช่วงระหว่างปี 2007-2009 หรือในช่วงที่คว้าแชมป์ยูโร 2008 ได้สำเร็จ

ย้อนหลังกลับไปในปี 2018 อิตาลี ต้องพบกับช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ เพราะไม่สามารถตบเท้าผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2018 แบบเสียฟอร์มของทีมอดีตแชมป์โลก 4 สมัยไปเลย โดยจอดป้ายเพียงแค่รอบเพลย์ออฟด้วยฝีเท้าของ สวีเดน นั่นเอง ทำให้ทัพลูกหนัง "อัซซูรี่" มีการลงมือเปลี่ยนแปลงทีมหลายๆ อย่างในช่วงหลังจากที่พบกับความล้มเหลว โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวกุนซือด้วยการประกาศปลด จาน ปิเอโร เวนตูร่า ออกจากตำแหน่งกุนซือทันทีเลย

Roberto Mancini
Italy v Lithuania - 2022 FIFA World Cup Qualifier / Claudio Villa/Getty Images

หลังจากนั้น อิตาลี ได้มีการประกาศแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ นั่นก็คือ โรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตกองหน้าชื่อดังในช่วงทศวรรษ 80-90 ให้เข้ามารับงานคุมทีมบ้านเกิดต่อเลย เพราะว่าเคยผ่านการดูแลทีมลูกหนังในเกมระดับสโมสรมาแบบโชกโชนจากการที่เคยคุมทัพ อินเตอร์ มิลาน, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, กาลาตาซาราย รวมถึง เซนิท เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก มาก่อนนั่นเอง จึงได้รับความไว้วางใจให้ก้าวเท้าเข้ามาคุมทัพลูกหนัง "อัซซูรี่" เพื่อเป้าหมายคือการกอบกู้ทีมให้กลับมาอยู่ในกลุ่มหัวแถวของโลกลูกหนังให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

แม้ว่า มันชินี่ จะเริ่มต้นงานคุมทีมบ้านเกิดได้ไม่ค่อยน่าประทับใจเสียเท่าไรนัก โดยเริ่มต้นประเดิมงานคุมทีมนัดแรกในเกมที่เฉือนชนะ ซาอุดิอาระเบีย 2-1 และหลังจากนั้นไม่พบกับชัยชนะอีกถึง 4 เกมเลยด้วย ซึ่งรวมถึงเกมที่บุกไปแพ้ โปรตุเกส 0-1 ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อวันที่ 10 กันยายนปี 2018 แต่จากความปราชัยในเกมดังกล่าวกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทัพลูกหนัง "อัซซูรี่" ค่อยๆ ฟื้นตัวจากความตกต่ำ และไม่พบกับความพ่ายแพ้จากการลงเล่นในทุกรายการอีกเลย โดยสามารถไล่เรียงผลงานได้ดังต่อไปนี้

Joao Mario, Cristiano Biraghi
Italy v Portugal - UEFA Nations League A / Valerio Pennicino/Getty Images

เริ่มต้นจากในช่วงปี 2018 ไม่พบกับความพ่ายแพ้ 4 เกม โดยเริ่มนับหนึ่งของสถิติไร้พ่ายจนถึงตัวเลขนัดที่ 36 จากเกมอุ่นแข้งที่เปิดบ้านเสมอ ยูเครน 1-1 หลังจากนั้นบุกไปชนะ โปแลนด์ 1-0 และเปิดบ้านเสมอ โปรตุเกส 0-0 ซึ่งเป็นเกมฟาดแข้งในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ทั้ง 2 นัดเลย ก่อนจะปิดท้ายปี 2018 ในเกมอุ่นแข้งนัดที่เฝ้าเสาเฉือนชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0

ส่วนในปี 2019 โชว์ฟอร์มได้แบบสุดเฉียบจากการคว้าชัยได้ถึง 10 เกมติดต่อกัน ซึ่งเป็นการเก็บชนะในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก ได้ทั้งหมดเลยด้วย ไล่ตั้งแต่เปิดบ้านชนะ ฟินแลนด์ 2-0, เปิดบ้านชนะ ลิกเท่นสไตน์ 6-0, บุกไปชนะ กรีซ 3-0, เปิดบ้านชนะ บอสเนีย 2-1, บุกไปชนะ อาร์เมเนีย 3-1, บุกไปชนะ ฟินแลนด์ 2-1, เปิดบ้านชนะ กรีซ 2-0, บุกไปชนะ ลิกเท่นสไตน์ 5-0, บุกไปชนะ บอสเนีย 3-0 และส่งท้ายปี 2019 ในเกมที่เปิดบ้านไล่ถล่ม อาร์เมเนีย 9-1 พร้อมกับตบเท้าผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้สำเร็จ

Italy Official Team Photo
Italy Official Team Photo / Claudio Villa/Getty Images

ส่วนในปี 2020 เป็นช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ อิตาลี มีโปรแกรมลงเล่นเกมระดับชาติในช่วงปลายปีทั้งหมด 8 เกม โดยแบ่งออกเป็นในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก 6 เกม ไล่ตั้งแต่นัดที่เปิดบ้านเสมอ บอสเนีย 1-1, บุกไปชนะ ฮอลแลนด์ 1-0, บุกไปเสมอ โปแลนด์ 1-1, เปิดบ้านเสมอ ฮอลแลนด์ 1-1, เปิดบ้านชนะ โปแลนด์ 2-0 และบุกไปชนะ บอสเนีย 2-0 นอกจากนี้ยังสามารถคว้าชัยจากเกมอุ่นแข้งได้อีก 2 นัด โดยเปิดบ้านชนะ มอลโดว่า 6-0 และเปิดบ้านไล่ถล่ม เอสโตเนีย 4-0

เข้าสู่ปี 2021 อิตาลี มีโปรแกรมลงเตะในรอบสุดท้ายของศึกยูโร 2020 ที่เลื่อนมาจากเมื่อปีก่อน และได้สร้างผลงานไร้พ่ายตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ถึง 7 เกมเลยด้วย ไล่ตั้งแต่ 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มชนะ ตุรกี 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 และชนะ เวลส์ 1-0 ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะ ออสเตรีย 2-1, รอบ 8 ทีมสุดท้ายชนะ เบลเยี่ยม 2-1, รอบรองชนะเลิศชนะ สเปน ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน และนัดชิงชนะ อังกฤษ ในช่วงดวลจุดโทษตัดสินด้วยเช่นกัน นอกจากยังมีคิวลงเตะเกมอุ่นแข้งในถิ่นของตัวเองอีก 2 นัด โดยเป็นฝ่ายชนะ ซาน มารีโน 7-0 และชนะ สาธารณรัฐเช็ก 4-0 รวมถึงเกมฟาดแข้งในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป อีก 5 เกม ไล่ตั้งแต่เปิดบ้านชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 2-0, บุกไปชนะ บัลแกเรีย 2-0, บุกไปชนะ ลิทัวเนีย 2-0, เปิดบ้านเสมอ บัลแกเรีย 1-1 และบุกไปเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0 ซึ่งกลายเป็นสถิติไร้พ่ายในเกมระดับชาติได้แบบยาวนานที่สุดในโลกถึง 36 เกมติดต่อกันพอดีเลย โดยแบ่งออกเป็นชนะ 27 เกม และลงเอยด้วยเสมออีก 9 เกมด้วยกัน

ตอนนี้ อิตาลี ได้ผ่านพ้นช่วงแห่งความตกต่ำไปแล้ว และกลับมาเป็นทีมหัวแถวของวงการลูกหนังโลกได้อีกครั้ง โดยมีแชมป์ยูโร 2020 และสถิติไร้พ่ายในเกมระดับชาติได้แบบยาวนานที่สุดเป็นเครื่องการันตีฝีเท้าของอดีตแชมป์โลก 4 สมัยได้เป็นอย่างดีเลย

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด