10 การเซ็นสัญญายอดแย่ประจำฤดูกาล 2020-2021 (ตอนที่ 2) - FEATURE

Manchester United v Sheffield United - Premier League
Manchester United v Sheffield United - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images
facebooktwitterreddit

หลังจากตอนที่แล้วได้เห็นดีลยอดแย่อันดับ 6-10 ไป คราวนี้มานับถอยหลังใน 5 อันดับสุดท้าย และลุ้นว่าใครจะเป็นการเซ็นสัญญายอดแย่แห่งฤดูกาลของ เดลีเมล

10 การเซ็นสัญญายอดแย่ของ พรีเมียร์ลีก ประจำซีซัน 2020-2021 (ตอนที่ 1) - FEATURE

5. นาธาน อาเก้ จาก บอร์นมัธ สู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - 40 ล้านปอนด์

Nathan Ake
Newcastle United v Manchester City - Premier League / Stu Forster/Getty Images

อาเก้ กลายเป็นกองหลังคนแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา บอกให้ แมนฯ ซิตี้ จัดการทุ่มเงินเข้ามาเสริมทัพเพื่อกลับมาไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก คืนจาก ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยพวกเขายอมจ่าย 40 ล้านปอนด์เพื่อตัดหน้าสโมสรใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ทีมเก่าของเจ้าตัว

อย่างไรก็ตามเซ็นเตอร์ชาวดัตช์ก็ต้องโชคร้ายได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาลและทำให้เขาได้ลงเล่นให้กับ ซิตี้ ไปเพียง 13 เกมโดยเป็นการเล่นในฟุตบอลลีก 10 นัด นั่นหมายความว่าเมื่อเอาเงินค่าตัวมาหารเฉลี่ยแล้วคิดเป็นเกมละ 4 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

แม้ว่าในขณะที่ เดอะซิตี้เซนส์ จะมีปัญหาทางด้านแบ้คซ้าย ซึ่ง อาเก้ ก็สามารถปรับเปลี่ยนไปยืนแทนได้ในบางนัด แต่ก็ยังทำผลงานได้ไม่เข้าตา เป๊ป กวาร์ดิโอลา จนท้ายที่สุดเมื่อ ดิอาส เล่นได้เข้าขากับ จอห์น สโตนส์ และสร้างผลงานอันยอดเยี่ยม สถานภาพของสตาร์วัย 26 ปีจึงกลายเป็นเพียงตัวเลือกอันดับ 4 ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเท่านั้น

4. คาร์แลน แกรนท์ จาก ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ สู่ เวสต์บรอมวิช - 15 ล้านปอนด์

Karlan Grant
West Bromwich Albion v Liverpool - Premier League / Pool/Getty Images

การลงทุน 15 ล้านปอนด์เพื่อกองหน้าหนึ่งคนสำหรับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร แต่สิ่งที่พวกเขาได้กลับมานั้นไม่ค่อยจะสมกับราคาที่จ่ายไปซักเท่าไหร่

ทีมที่มีเป้าหมายในการอยู่รอดในลีกสูงสุดสมควรจะมีดาวยิงดี ๆ ซักคนเอาไว้ในการถล่มประตู นั่นคือที่มาของการที่ เดอะแบ็กกี้ส์ ไปหอบเอา แกรนท์ มาจาก ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ในช่วงซัมเมอร์ หลังจากที่เจ้าตัวแสดงผลงานอันเอกอุกับต้นสังกัดเดิมให้เห็นมาแล้วก่อนหน้านั้น

โชคไม่ค่อยดีนักที่ซีซันแรกของเขายังไม่เวิร์คเท่าที่ควร แต่ เวสต์บรอม ก็ยังคงสบายใจได้ในระดับหนึ่งเพราะเป้าหมายของการซื้อดาวเตะรายนี้มาร่วมทีมก็เพื่ออนาคตล้วน ๆ เมื่อดูจากสัญญาระยะเวลา 6 ปีที่ทำไว้กับสโมสร ซึ่งพวกเขาก็คงหวังว่าดาวยิงวัย 23 ปีจะช่วยทีมทำผลงานได้ดีใน เดอะแชมเปี้ยนชิพ และกลับมาโลดแล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้งในฤดูกาลถัดไป

3. วิลเลียน จาก เชลซี สู่ อาร์เซนอล - ไม่มีค่าตัว

Willian - Soccer Player for Chelsea and Brazil
Tottenham Hotspur v Arsenal - Premier League / Visionhaus/Getty Images

จะมีการย้ายทีมแบบฟรี ๆ ครั้งไหนที่สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอล อาร์เซนอล ได้มากเท่านี้ แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการย้ายข้ามฟากจากคู่แข่งโดยตรงอย่าง เชลซี แต่ก็คงอีกนานกว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อดูจากผลงานที่ วิลเลียน สร้างไว้ในฤดูกาลที่ผ่านมา

นัดเดียวที่ทำให้แฟนบอล เดอะกันเนอร์ส จดจำดาวเตะบราซิลเลียนผู้นี้ได้คือเกมนัดแรกของฤดูกาลที่พวกเขาสามารถเอาชนะ ฟูแลม ทีมน้องใหม่ไปได้ 3-0 โดยอดีตดาวเตะ สิงห์บลู โชว์ฟอร์มหนือชั้นด้วยการทำคนเดียว 3 แอสซิสต์

แต่จากนั้นฟอร์มการเล่นของ วิลเลียน ก็ไม่เหมือนเมื่อตอนค้าแข้งที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้แต่น้อย เจ้าตัวทำผลงานได้น่าผิดหวัง โดยยิงได้เพียง 1 ประตูจากการลงสนาม 37 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งกว่าจะยิงประตูได้ก็ล่วงเข้าสู่เกมนัดที่ 35 ใน พรีเมียร์ลีก ที่เอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปได้ 3-1 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง

หลังผลงานอันน่าผิดหวังก็มีข่าวว่านักเตะอยากจะย้ายกลับไป เชลซี อีกครั้ง แต่ด้วยค่าเหนื่อยระดับ 220,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เชื่อว่า โธมัส ทูเคิล คงไม่อยากเสี่ยงอย่างแน่นอน

2. ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - 40 ล้านปอนด์

Donny van de Beek
Wolverhampton Wanderers v Manchester United - Premier League / Catherine Ivill/Getty Images

เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง นาธาน อาเก้, ฟาน เดอ เบ็ค ได้ลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างจำกัดจำเขี่ย แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องมาจากการตัดสินใจของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม ไม่ใช่อาการบาดเจ็บ

ตอนที่มีการประกาศคว้าตัวมิดฟิลด์วัย 23 ปีมาร่วมทีม แฟนบอล ปีศาจแดง ส่วนหนึ่งก็ออกอาการมีความหวังกันอย่างเต็มเปี่ยม แต่หลังจากที่เล่นไปเล่นมาเจ้าตัวดันกลายเป็นตัวเลือกลำดับที่ 6 ในแผงกองกลางต่อจาก บรูโน แฟร์นันเดส, ปอล ป็อกบา, เฟร็ด, สกอ็ตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เนมันยา มาติช เท่านั้น

เดอ เบ็ค ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงของทีมไม่ถึง 10 นัดสวนทางกับฟอร์มเมื่อฤดูกาลก่อนหน้านั้นที่ช่วยให้ อาแจ็กซ์ ทะลุเข้าถึงรอบเซมิไฟนอลในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินถึง 40 ล้านปอนด์เพื่อดึงนักเตะที่ไม่คิดจะใช้งานจริงจังมาร่วมทีม

ซีซันหน้าอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าตัวในการพิสูจน์ตัวเองกับ เร้ดเดวิลส์ เพราะถ้ายังเข้า ๆ ออก ๆ ทีมอยู่แบบนี้ก็คงต้องทำใจและหาทีมใหม่ในช่วงปีใหม่ได้เลย

1. ริอาน บรูวสเตอร์ จาก ลิเวอร์พูล สู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด - 24 ล้านปอนด์

Rhian Brewster
Wolverhampton Wanderers v Sheffield United - Premier League / Malcolm Couzens/Getty Images

ถ้ามองจากมุมของ ลิเวอร์พูล นี่คือการปิดดีลที่คุ้มค่าที่สุดของพวกเขา แต่เมื่อมองจากฝั่งของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นี่คือดีลยอดแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ของสโมสรก็ว่าได้

เงินจำนวน 24 ล้านปอนด์ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสร ดาบคู่ ถูกโอนให้ หงส์แดง เพื่อเป็นค่าตัวของดาวรุ่งที่ว่ากันว่ามีสิทธิที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในดาวยิงที่เก่งที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งพวกเขาหวังให้เข้ามาช่วยยิงประตูพาทีมรอดพ้นจากการตกชั้น แต่ท้ายที่สุดแล้้วทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด

0 ประตูจากการลงเล่น 31 เกมในทุกรายการคือผลตอบแทนที่น่าเจ็บปวดกับเงินที่ลงทุนไป แถม เชฟฯ ยูไนเต็ด ยังตกชั้นชนิดที่มีแต้มห่างจากทีมอันดับ 17 ถึง 20 คะแนน ต้องไปนับหนึ่งในใหม่อีกครั้งใน เดอะแชมเปี้ยนชิพ

แต่ด้วยวัยเพียง 21 ปี สโมสรก็หวังว่าฟอร์มของ บรูวสเตอร์ จะสามารถพัฒนาได้อีกไกล เขายังมีโอกาสในการกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งกับการเล่นในลีกรอง ซึ่งความเคี่ยวและความโหดน้อยกว่า พรีเมียร์ลีก อย่างแน่นอน และหากอดีตแข้งดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ทำได้ ปีหน้าเราก็อาจได้เห็นเขากลับมาโลดแล่นใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด