ทำไม ซาซ่า คาลัดจ์ซิช ถึงเป็นที่ต้องการของทั้ง บาเยิร์น และ ดอร์ทมุนด์ - OPINION

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เสีย เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าที่มีค่าเฉลี่ยการทำประตูอยู่ที่ 1 นัดต่อ 1 ลูกไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลหน้า เช่นเดียวกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ทำท่าว่าจะต้องเสีย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไปแน่ๆ หลังเจ้าตัวประกาศชัดว่าหมดใจที่จะอยู่ค้าแข้งใน บุนเดสลีกา ต่อแล้ว
มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าทั้งสองยักษ์ใหญ่จากเมืองเบียร์จะต้องลงตลาดเพื่อเซ็นสัญญากองหน้าคนใหม่เข้ามาเสริมเกมรุกของทีมและดูเหมือนว่าในตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็กำลังล็อคเป้าไปที่ ซาซ่า คาลัดจ์ซิช แข้งวัย 24 ของ สตุ๊ตการ์ต
ว่าแต่ว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องการตัวกองหน้าที่ได้ลงเล่นเพียง 13 เกมในลีกให้กับทีมที่รอดตกชั้นมาอย่างหวุดหวิดและทำไปเพียง 6 ประตูเท่านั้นตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา?
ประการแรกเลย หากมองหากองหน้าที่มีประสบการณ์ในลีกและทำได้มากกว่า 20 ประตูนับตั้งแต่ช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ตอนที่ ฮาแลนด์ ย้ายมาจาก ซัลซ์บวร์ก - คาลัดจ์ซิช นี่แหละดูจะเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ที่สุดแล้ว
เพราะนอกจาก ฮาแลนด์ กับ เลวานดอฟสกี้ ที่เหลือก็จะมี ปาทริค ชิค ที่เพิ่งต่อสัญญากับ เลเวอร์คูเซน, อันเดร ซิลวา ที่สังกัดอยู่กับ ไลป์ซิก ที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแต่อย่างใด และ แอนโธนี โมเดสเต้ ที่ปัจจุบันอายุ 34 ปี เข้าไปแล้ว
ประการที่สอง คือเรื่องส่วนสูง 2 เมตรของเขา ที่ทำให้ทีมได้เปรียบเป็นอย่างมากยามเล่นลูกโด่งและในจังหวะที่เขาต้องถอยมาตั้งรับลูกนิ่งจากคู่ต่อสู้ด้วยเช่นกัน แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะเมื่อส่วนสูงของเขาประกอบกับทักษะในการวิ่งสอดส่ายหาช่องจึงทำให้เขาเป็นกองหน้าที่อันตรายมากยิ่งขึ้นไปอีกและไม่ใช่แค่เป็นตัวเป้าที่รอจบสกอร์จากการเปิดบอลของเพื่อนร่วมทีมเท่านั้น
ประการที่สาม กับการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่า ฮาแลนด์ และ เลวานดอฟสกี้ เป็นอย่างมาก เพราะยอมรับเถอะว่าเรื่องการทำประตู เขาคงเทียบทั้ง 2 คนดังกล่าวไม่ได้
แต่ด้วยความที่เคยเล่นกองกลางมาก่อนสมัยเป็นนักเตะเยาวชน คาลัดจ์ซิช จึงมีสกิลการจ่ายบอลที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน และทำให้เขามีอัตราการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมสูงกว่าศูนย์หน้าทุกคนที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นแถมยังมีจำนวนครั้งในการสัมผัสบอลต่อเกมถึง 42.5 จากการถอยลงมาดวลกับกองกลางของคู่แข่งเพื่อเปิดทางให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ง่ายขึ้นอีกต่างหาก
ประการสุดท้าย คือในกรณีที่ บาเยิร์น ได้ตัว ซาดิโอ มาเน่ มาอีกคน คาลัดจ์ซิช ก็อาจจะเป็นส่วนเสริมที่ทำให้ มาเน่ เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้จากทักษะทั้งหลายแหล่ที่กล่าวถึงมาก่อนหน้านี้และยังเป็นการเปิดทางให้ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ได้กลับมาทำทีมในแบบที่ตัวถนัดอีกด้วย เมื่อพิจารณาว่าเขามักจะใช้กองหน้าที่มีความเร็วคู่กับกองหน้าที่พักบอลได้ดี ดังเช่นที่ ไลป์ซิก กับ ติโม แวร์เนอร์ และ ยุสซุฟ โพลเซน หรือ โชเอลินตอน ที่ ฮอฟเฟนไฮม์
ส่วน ดอร์ทมุนด์ ที่เพิ่งจะได้ตัว คาริม อเดเยมี กองหน้าร่างเล็กความเร็วสูงมาหมาดๆ ก็อาจจะได้ใช้ประโยชน์จาก คาลัดจ์ซิช ในการช่วยปกป้องเขาจากกองหลังที่พยายามไล่บี้ไม่ให้เล่นได้ง่าย
ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ชัดเจนว่า คาลัดจ์ซิช คงไม่ใช่การเซ็นสัญญาเข้ามาเพื่อทดแทน ฮาแลนด์ หรือ เลวานดอฟสกี้ โดยตรงในแง่ของการทำประตู แต่อาจจะเป็นการเซ็นสัญญาที่เข้ามาเสริมความหลากหลายในเกมรุกและหลีกเลี่ยงการต้องเข้าไปยื้อยุดแย่งชิงตัวกองหน้าระดับท็อปกับทีมอื่นๆใน ยุโรป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมจาก บุนเดสลีกา ดูจะไม่ถนัดเอาเท่าใดนัก