เกิดอะไรขึ้นกับ แม็คไกวร์ เจ้าของสถานะกัปตันทีม แมนยู - OPINION

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-MAN UTD
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-MAN UTD / OLI SCARFF/GettyImages
facebooktwitterreddit

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในเกมกับ แอสตัน วิลลา จนสร้างความวิตกในหมู่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งมวล

กัปตันทีม ยูไนเต็ด เป็นแกนหลักในแนวรับของทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จากการลงเล่นเกือบทุกเกมที่ตนเองมีโอกาส ( 52 นัดจากทั้งหมด 56 นัด) และเล่นได้ดีทีเดียวจนสร้างความร้อนใจกับ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่หวังจะให้เขาลงสนามช่วยทีมชาติ อังกฤษ ในศึก ยูโร 2020 ที่รออยู่

น่าเสียดายที่ แม็คไกวร์ ฟิตไม่ทันลงเล่นรอบชิง ยูโรปาลีก ที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของ ปีศาจแดง ต่อ บียาร์เรอัล ในช่วงของการดวลจุดโทษ แต่เขายังถูกเข็นลงสนามรับใช้ชาติโชว์ฟอร์มแจ๋วจนไปพ่ายในรอบชิงต่อ อิตาลี


ตัดภาพกลับมาในปัจจุบัน มีข่าวลือว่า ราล์ฟ รังนิค เตรียมดร็อป แม็คไกวร์ เซ่นผลงานที่ไม่เอาอ่าวในระยะหลังในเกมกับ อาร์เซนอล คืนนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนแสดงท่าทางดีใจอย่างออกนอกหน้า

จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในระยะเวลาเพียงปีเดียวของ แม็คไกวร์ ?

Harry Maguire
Manchester United v Chelsea FC - Premier League / Matthew Ashton - AMA/GettyImages

หน้าร้อนปี 2019 แม็คไกวร์ ย้ายเข้ามากับความคาดหวังที่สูงลิบเพราะค่าตัว 80 ล้านปอนด์ที่มาพร้อมกับเขา และอันที่จริงเขาก็ออกสตาร์ทได้ดีทีเดียว

ไม่นานหลังจากนั้น แอชลีย์ ยัง ตัดสินใจย้ายออกไปเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน - โอเล กุนนาร์ โซลชา จึงตัดสินใจมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้แก่เขา ภาระการเป็นเสาหลักของทีมจึงตกไปอยู่ที่ แม็คไกวร์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฤดูกาลที่สอง แม็คไกวร์ เริ่มต้นได้ไม่สวยนัก และใบแดงในเกมทีมชาติเดือนตุลาคมก็ยิ่งทำให้มันแย่เข้าไปอีก กระนั้นบทบาทการเป็นตัวชนและพาบอลขึ้นหน้าไปของเขาก็ยังช่วยทีมได้ไม่น้อยเหมือนกัน

Raphael Varane, Cristiano Ronaldo, Harry Maguire
Manchester United v Tottenham Hotspur - Premier League / Michael Regan/GettyImages

และแล้ว จาดอน ซานโช, วาราน และ โรนัลโด้ ก็เดินตบเท้าเข้ามาใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมๆกัน โดยที่ความคาดหวังกับ แม็คไกวร์ ยิ่งสูงขึ้นไปอีกเมื่อทุกคนคิดว่าท้ายที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะได้คู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับอดีตแข้ง จิ้งจอกสยาม มาร่วมทีมเสียที

โซลชา พยายามปรับรูปเกมให้เน้นเกมรุกมากขึ้น จากเดิมทีจะเป็นการยืนแบบ 3-1-6 ยามทีมเปิดเกมรุก ก็กลายมาเป็น 2-2-6 โดยให้ทีมดันขึ้นไปสูงกันหมดทุกคน เพราะฉะนั้น แม็คไกวร์ จึงต้องรับหน้าที่หนักขึ้นเมื่อพื้นที่ในแดนตัวเองมีมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องวิ่งไล่กวดบอลยามโดนโต้กลับจากคู่แข่ง และความเร็วก็ไม่ใช่จุดแข็งของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เกมที่เสมอ 1-1 กับ เซาแธมป์ตัน ในช่วงต้นฤดูกาลทำให้เห็นชัดขึ้นว่า แม็คไกวร์ รับมือคู่แข่งที่มีความคล่องตัวสูงๆไม่ไหวเลย แถม วาราน ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาตัว

ทว่า โซลชา ก็ยังคงไว้ใจในแผนการของตัวเองและในตัวกัปตันโดยหวังว่าผลงานของทีมจะดีขึ้นได้

แต่หลัง แม็คไกวร์ ถูกฝืนให้ลงสนามในเกมแพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 4-2 ในเดือนตุลาคม ทุกคนก็เริ่มตั้งคำถามว่าเหตุใด เอริค ไบญี ถึงได้ลงเล่นน้อยเหลือเกินและมันท่าจะจริงที่ว่ากัปตันอาจจะต้องการเวลาพักฟื้นมากกว่านี้ แม้ว่าเกมดังกล่าวจะสำคัญมากแค่ไหนก็ตาม

นับจากนั้น แม็คไกวร์ ก็ไม่ได้พักแบบเต็มๆสักเท่าใดนักและยังคงโดนกระแสวิจารร์แง่ลบถาโถมเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่เว้นแม้ยามลงเล่นให้ทีมชาติ อังกฤษ

เสียงกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมจาก แม็คไกวร์ ที่เคยได้ยินก้องสนามเมื่อตอนต้องเล่นโดยไม่มีแฟนบอลเริ่มเงียบลง การเข้าปะทะที่ดุดันก็ไม่มีให้เห็นอีกแล้วจากเขา

ตอนนี้เป็นเสมือนจุดต่ำสุดในอาชีพของ แม็คไกวร์ เลยก็ว่าได้ เมื่อเขาเป็นเป้าของทุกความผิดพลาดไปจนถึงการเป็นมีมให้ชาวเน็ตล้อกันเล่นและที่ล้ำเส้นเกินไปคงหนีไม่พ้นการถูกขู่วางระเบิดบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

เขาถูกบีบให้รับแรงกดดัน กระทั่งโดนมันบี้เสียแบนและสโมสรรวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องก็สมควรที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย