[NOSTALGIA] วูล์ฟกัง แฟรงค์ : กุนซือผู้เปรียบเสมือนครูของ เยอร์เกน คล็อปป์

Hamburg SV v FSV Mainz 05
Hamburg SV v FSV Mainz 05 / Stuart Franklin/Getty Images
facebooktwitterreddit

เยอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล คือหนึ่งในกุนซือแถวหน้าของโลกในปัจจุบันชนิดที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธถึงความสุดยอดของเขา

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ คล็อปป์ เองก็ต้องฝ่าฟันและผ่านเส้นทางมามากมาย แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นศิษย์ที่มีครูและครูของเขานั้นก็คือ 'วูลฟ์กัง แฟรงค์' นั่นเอง

โดยในหนังสืออัตชีวประวัติของกุนซือชาวเยอรมันอย่าง 'คล็อปป์ : บริงก์ เดอะ นอยส์' เขาก็ได้ยกย่อง แฟรงค์ ว่า 'คือโค้ชที่มีอิทธิพลกับเขามากที่สุด' และ 'เป็นคนที่น่าเหลือเชื่อมากๆ'

วูลฟ์กัง แฟรงค์ คือนักเตะและโค้ชที่มีความสำคัญคนหนึ่งในหน้าประวัติศาตร์ฟุตบอลเยอรมนี โดยสมัยเป็นนักเตะเขาได้ลงเล่นไป 215 เกมในบุนเดสลีกาและสามารถยิงไปได้ถึง 89 ประตู


ส่วนในเส้นทางโค้ช แฟรงค์ ก็ได้คุมทีมทั้งสิ้นถึง 16 ทีมระหว่างปี 1984-2012 จากข้อมูลของ Wikipedia และจุดบรรจบกับ คล็อปป์ เองก็เกิดขึ้นที่ ไมนซ์ 05 ในปี 1995

แฟรงค์ ชื่นชอบสไตล์การทำทีมแบบเพรสซิงของ อาร์ริโก ซาคคี กุนซือในตำนานของ เอซี มิลาน และเนื่องจากการเคยไปค้าแข้งที่ อาแซดอัลค์มาร์ ในเนเธอร์แลนด์จึงได้รับอิทธิพลของ 'โททอลฟุตบอล' มาด้วย

และนี่ก็คือสิ่งที่เขาได้นำมาใช้กับ ไมนซ์ ที่เขาต้องเข้ามากู้วิกฤติกลางทางตอนทีมสุ่มเสี่ยงจะตกชั้นจาก บุนเดสลีกา 2 ในปี 1995 ที่มี คล็อปป์ เป็นกัปตันทีม

ในตอนนั้นฟุตบอลเยอรมันได้นิยมที่จะมีสวีปเปอร์อย่าง ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ เป็นตัวบัญชาเกม แต่ก็ใช่ว่าทุกทีมจะมีนักเตะพรสวรรค์แบบนั้น ซึ่งมันก็เป็นปัญหาของ ไมนซ์ 05 เช่นกัน

สิ่งที่ แฟรงก์ ทำก็คือการเปลี่ยนให้ทีมเล่นแบบกองหลัง 4 ตัวซึ่งแน่นอนว่ามันได้สร้างความยากลำบากให้กับนักเตะในช่วงแรกๆ เป็นอย่างมากที่จะปรับตัวทำความเข้าใจพร้อมยังได้ริเริ่มแท็คติกอีกมากมายเช่นการตั้งโซนรับมือลูกตั้งเตะ

นอกจากแท็คติกในสนามแล้วเขาเองก็ยังได้จ้างนักศึกษามหาวิทยาลัยที่อยู่แถบนั้นเข้ามาช่วยในเรื่องของการวิเคราะห์เกมจากวิดีโอซึ่งมันเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ ขณะที่นักศึกษาหนุ่มคนนั้นก็คือ 'ปีเตอร์ คราเวียซ' ที่กลายมาเป็นมือขวาของ คล็อปป์ ในปัจจุบัน

AFC Bournemouth v Liverpool FC - Premier League
AFC Bournemouth v Liverpool FC - Premier League / Michael Steele/Getty Images

แต่ผลตอบแทนของการเปลี่ยนและกล้าที่จะเสียงครั้งนั้นก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อ ไมนซ์ สามารถอยู่รอดปลอดภัยใน บุนเดสลีกา 2 ได้สำเร็จ แต่ที่สำคัญกว่าคือการเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมเล็กๆ อื่นๆ กล้าที่จะเปลี่ยนด้วย

แม้จะไม่สามารถพาทีมขึ้นสู่ บุนเดสลีกา ได้และเลือกที่จะออกไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าในภายหลัง แต่สิ่งที่ แฟรงก์ ทิ้งไว้ก็ยิ่งใหญ่มากๆ นั่นก็คือการได้ปลูกฝังแนวทางการเป็นโค้ชแก่ คล็อปป์ ผู้เป็นกัปตันทีมในตอนนั้นและต้องมีส่วนร่วมในการพูดคุยเรื่องแท็คติกทุกวัน

หลังจาก แฟรงค์ ออกไปหนึ่งปี คล็อปป์ ก็ได้รับโอกาสให้มารับหน้าที่นักเตะควบผู้จัดการทีมซึ่งเขาก็ใช้เวลาเพียง 4 ฤดูกาลกับการพาทีมกลับมาอยู่ใน บุนเดสลีกา อีกครั้งก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต่อ

RESTRICTIONS / EMBARGO - ONLINE CLIENTS...
RESTRICTIONS / EMBARGO - ONLINE CLIENTS... / THOMAS LOHNES/Getty Images

คล็อปป์ ได้พัฒนาแท็คติกของตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็น 'เกเกนเพรสซิง' อย่างในปัจจุบันจนประสบความสำเร็จอย่างมากมาย แต่เขาเองก็ไม่เคยลืมรากเหง้าของตัวเองและยังยกย่อง แฟรงค์ เสมอมา

ในปี 2013 คล็อปป์ สามารถพา ดอร์ทมุนด์ เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งเขาเองก็ไม่ลืมขอบคุณผู้เป็นเหมือนครูอย่าง แฟรงค์ ถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในวิชาขีพโค้ช

"หากไม่มีคุณ ผมคงไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ในวันนี้ที่ลอนดอนในสนามเวมบลีย์" คล็อปป์ เผยถึงข้อความที่ส่งหา แฟรงค์ ในการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมในตอนนั้น

แต่ในปีเดียวกันนั้นเรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นเมื่อ แฟรงค์ ได้จากโลกนี้ไปที่บ้านของเขาในเมือง ไมนซ์ และสิ่งที่ผู้เป็นศิษย์อย่าง คล็อปป์ จะทำได้ก็คือการรวบรวมอดีตเพื่อนร่วมทีมมาร่วมพิธีศพเป็นครั้งสุดท้าย

แม้ วูลฟ์กัง แฟรงค์ จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรืองของถ้วยแชมป์แต่เขาก็จะถูกจดจำในฐานะหนึ่งในผู้เปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลเยอรมันและก็จะถูกบอกเล่าผ่านผลงานของ เยอร์เกน คล็อปป์ รวมถึงกุนซือคนอื่นๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเขาเช่น โจอาชิม เลิฟ ต่อไปเรื่อยๆ แน่นอน


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น ! * ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใด ๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด