รอยส์ ผู้ไม่หวั่นไหวต่อการจากลาในแนวรุก ดอร์ทมุนด์ - FEATURE

Borussia Dortmund v Eintracht Frankfurt - Bundesliga
Borussia Dortmund v Eintracht Frankfurt - Bundesliga / Joosep Martinson/Getty Images
facebooktwitterreddit

เป็นหนึ่งในทีมลูกหนังที่พร้อมตัดสินใจขายนักเตะได้ตลอดเลย หากได้รับข้อเสนอที่ยากเกินกว่าจะตอบปฏิเสธนั่นเอง สำหรับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี จึงมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัวผู้เล่นอยู่เป็นประจำ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังคงยืนหยัดท่ามกลางการโบกมืออำลาเหล่าดาวเตะฝีเท้าดีในแนวรุกที่ได้ย้ายทีมกันออกไปแบบต่อเนื่องเลย นั่นก็คือ มาร์โก รอยส์ ดาวเตะจอมเก๋าชาวเยอรมัน ซึ่งได้อยู่ปักหลักค้าแข้งในถิ่นซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค มานานเกือบ 10 ปีแล้ว

Marco Reus
Borussia Dortmund v Bayer 04 Leverkusen - Bundesliga / Matthias Hangst/Getty Images

ทั้งนี้ รอยส์ ถือว่าเป็นเด็กสร้างของ "เสือเหลือง" อย่างแท้จริง เพราะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในเมืองดอร์ทมุนด์ จึงได้ก้าวเท้าเข้ามาเป็นเด็กปั้นของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในทีมระดับเยาวชนตั้งแต่ตอนที่มีอายุได้เพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น แต่ไม่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ จึงตัดสินใจย้ายไปเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ รอท ไวสส์ อาห์เล่น ทีมระดับภูมิภาคในปี 2006 หลังจากนั้นได้แจ้งเกิดในศึกบุนเดสลีกาเมื่อตอนที่ย้ายไปร่วมทัพ "สิงห์หนุ่ม" โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในปี 2009 และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นจากการสวมบทเป็นกองหน้าจอมลากเลื้อยไปพร้อมๆ กับการยืนเล่นเป็นปีกริมเส้นได้ด้วย

ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตัดสินใจจ่ายเงินซื้ออดีตเด็กปั้นกลับมาร่วมทีมในปี 2012 ด้วยค่าตัว 17.1 ล้านยูโร ซึ่งตอนนั้นยังอยู่ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ นั่นเอง และเป็น 1 ใน 3 ประสานแนวรุกตามรูปแบบการเล่นของทีมที่ได้ยึดแผนนี้มาโดยตลอดร่วมกับ มาริโอ เกิตเซ่ ดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลเยอรมนี รวมถึง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เมื่อตอนที่เพิ่งสร้างชื่อในวงการลูกหนังโลกได้ไม่นานนัก โดยสามารถช่วยกันพาทีมไปถึงนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2012/2013 ได้ด้วย แต่ทำได้ดีที่สุดเพียงรองแชมป์เจ้าสโมสรยุโรป เพราะเป็นฝ่ายแพ้ บาเยิร์น มิวนิค ทีมคู่ปรับร่วมชาติเดียวกันนั่นเอง

Sebastian Kehl, Juergen Klopp, Mario Goetze, Marco Reus, Robert Lewandowski
Borussia Dortmund Portrait Session / Stefan Grey/Getty Images

หลังจากนั้นแนวรุกของ "เสือเหลือง" ได้มีการเปลี่ยนแปลงในฤดูกาล 2013/2014 เพราะตัดสินใจขาย เกิตเซ่ ให้ย้ายซบ บาเยิร์น มิวนิค และได้ดึง เฮนริค มคิทาร์ยาน กับ ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง เมื่อตอนที่เพิ่งสร้างชื่อในวงการลูกหนังโลกเข้ามาแทนที่เสียเลย เพื่อให้ประสานร่วมกับ รอยส์ และ เลวานดอฟสกี้ ซึ่งยังคงเป็น 2 ตัวหลักในแนวรุกเหมือนเดิม

แต่เมื่อถึงฤดูกาล 2014/2015 ได้มีการเปลี่ยนแปลงในแนวรุกอีกครั้ง เนื่องจาก เลวานดอฟสกี้ ได้ขอย้ายไปร่วมทัพ "เสือใต้" ในช่วงหลังหมดสัญญาแบบไม่มีค่าตัวนั่นเอง เช่นเดียวกับ คลอปป์ ที่ได้ขอก้าวเท้าลงจากตำแหน่งกุนซือในช่วงหลังจบซีซั่นดังกล่าว แต่ 2 นักเตะที่ได้ฟูมฟักเอาไว้ นั่นก็คือ โอบาเมยอง และ มคิทาร์ยาน สามารถประสานงานร่วมกับ รอยส์ ในแดนหน้าได้เป็นอย่างดี จึงช่วยกันยิงประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำจนถึงฤดูกาล 2015/2016 ซึ่งตอนนั้น โธมัส ทูเคิ่ล ได้เข้ามาสวมบทเป็นกุนซือแล้วด้วย

Borussia Dortmund v Hoffenheim - Bundesliga
Borussia Dortmund v Hoffenheim - Bundesliga / Anadolu Agency/Getty Images

เมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2016/2017 ดอร์ทมุนด์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวรุกอีกครั้ง เพราะตัดสินใจขาย มคิทาร์ยาน ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และได้คว้า อุสมาน เดมเบเล่ ดาวรุ่งพุ่งแรงชาวฝรั่งเศสเข้ามาเสริมทัพแทน เพื่อให้ประสานในแนวรุกร่วมกับ โอบาเมยอง และ รอยส์ ที่ยังคงเป็นตัวหลักในแดนหน้า ก่อนจะช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ได้สำเร็จ แต่ ทูเคิ่ล ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกุนซือไปด้วย เพราะมีปัญหาขัดแย้งกับบอร์ดบริหารสโมสร

ส่วนในช่วงฤดูกาล 2017/2018 "เสือเหลือง" ได้ตัดสินใจขายตัวหลักในแนวรุกออกไปพร้อมกันถึง 2 ราย นั่นก็คือ โอบาเมยอง ปล่อยให้ย้ายซบ อาร์เซนอล และ เดมเบเล่ ปล่อยให้ย้ายไปซบ บาร์เซโลน่า ซึ่งยังคงเป็นสถิติขายนักเตะได้เงินมากที่สุดถึง 105 ล้านยูโรเลยทีเดียว โดยให้โอกาส 2 ดาวรุ่งได้ก้าวเท้าขึ้นมาประสานงานในแนวรุกร่วมกับ รอยส์ ไปเลย นั่นก็คือ คริสเตียน พูลิซิช กับ จาดอน ซานโซ่ ซึ่งคว้าตัวมาจาก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อตอนที่ยังไม่ได้แจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกเสียด้วยซ้ำ และสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ

Antoine Griezmann, Christian Pulisic, Jadon Sancho
Atletico Madrid v Borussia Dortmund - UEFA Champions League / Soccrates Images/Getty Images

ไปต่อกันด้วยในช่วงฤดูกาล 2018/2019 รอยส์ ได้รับการแต่งตั้งให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมคนใหม่ และมีการคว้า ปาโก้ อัลคาเซร์ กองหน้าที่มีทีเด็ดในยามที่ได้ลุกจากม้านั่งสำรองแล้วลงไปยิงประตูได้อยู่บ่อยๆ เข้ามาเสริมแนวรุกอีกราย แต่ ดอร์ทมุนด์ ได้ตัดสินใจปล่อย พูลิซิช ให้ย้ายซบ เชลซี ในช่วงหลังจบซีซั่นดังกล่าว เพราะทำผลงานได้ดีแบบต่อเนื่อง โดยตอนนั้นยังคงเก็บ ซานโซ่ เอาไว้ช่วยเกมรุกได้ต่อไป แม้จะเริ่มเป็นนักเตะเนื้อหอมที่ได้รับความสนใจจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่แล้วก็ตาม

หลังจากนั้นในช่วงฤดูกาล 2019/2020 "เสือเหลือง" ได้ตัดสินใจปล่อย ปาโก้ ย้ายซบ บียาร์เรอัล ในช่วงเริ่มต้นปี 2020 และได้คว้า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยอดกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงเข้ามาเสริมทัพแทน ซึ่งทำให้แนวรุกของ ดอร์ทมุนด์ กลับมามีความคึกคักอีกครั้ง เพราะประสานงานกับ ซานโซ่ และ รอยส์ ได้แบบเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างมากจนถึงฤดูกาล 2020/2021 ไปเลย

FBL-GER-BUNDESLIGA-DORTMUND-BREMEN
FBL-GER-BUNDESLIGA-DORTMUND-BREMEN / LEON KUEGELER/Getty Images

ปิดท้ายด้วยในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2021/2022 ดอร์ทมุนด์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวรุกอีกครั้งจนได้ เพราะได้ตัดสินใจปล่อย ซานโซ่ ย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง และมีการคว้า ดอนเยลล์ มาเลน ดาวรุ่งทีมชาติฮอลแลนด์เข้ามาเสริมทัพแทน โดยยังคงต้องรอการพิสูจน์ฝีเท้าว่าจะสามารถเล่นเข้าขากับ รอยส์ และ ฮาลันด์ ได้หรือไม่

แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงในแนวรุกของ ดอร์ทมุนด์ มาโดยตลอด แต่ มาร์โก รอยส์ ยังคงเป็นผู้ยืนหยัดในแดนหน้าต่อไปเหมือนเดิม และได้อยู่ปักหลักมานานถึง 9 ปีแล้วด้วย ท่ามกลางการจากลาของอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เป็นนักเตะฝีเท้าดีทั้งนั้นเลย ซึ่งคาดว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ น่าจะได้เก็บข้าวของย้ายทีมเป็นคนต่อไป เพราะยังคงเป็นนักเตะเนื้อหอมที่ได้รับความสนใจจากพวกทีมยักษ์ใหญ่เต็มไปหมดเลยนั่นเอง

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด