ย้อนฟังเหตุผลของสตาร์ แมนยู, ลิเวอร์พูล และ เชลซี กับเหตุผลที่เหตุใดทีมชาติ อังกฤษ ยุคทองถึงร่วงมากกว่ารุ่ง

England Training & Press Conference
England Training & Press Conference / Matthew Lewis/Getty Images
facebooktwitterreddit

ทีมชาติ อังกฤษ เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์เพียงหนเดียวคือตอน ฟุตบอลโลก ปี 1966 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่เคยไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกเลย

ย้อนกลับไปในยุคช่วงปี 2000-2007 อังกฤษ มีผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกหลายคน อย่างเช่น แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเวน เจอร์ราร์ด, เดวิด เบ็คแฮม, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์นเ ทอร์รี ไมเคิล โอเวน และอีกมากมาย

แต่จนแล้วจนรอดยุคที่ถูกเรียกว่าเป็น ยุคทอง ของทัพ ทรีไลอ้อนส์ ซึ่งคุมทีมโดย สเวน โกรัน อีริคส์สัน ก็ไปได้ไกลถึงเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศของในทั้ง 3 ทัวร์นาเม้นต์ที่พวกเขาได้เข้าร่วม ไล่ไปตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 2002, ยูโร 2004 และ ฟุตบอลโลก 2006

ความล้มเหลวของทีมชาติ อังกฤษ เคยเป็นปริศนากันอยู่นานและความจริงเมื่อปี 2017 แลมพาร์ด, เจอร์ราร์ด และเฟอร์ดินานด์ สามแกนหลักของทีมชาติเคยได้ร่วมกันอธิบายเหตุผลเบื้องหลังความล้มเหลวของ 'โกลเด้นเจเนอเรชั่น' เอาไว้แล้วผ่านทางช่อง บีที สปอร์ต

แม้จะเป็นการพูดคุยที่กินเวลาร่วม 10 นาที แต่ทุกคนต่างก็ยกประเด็นเดียวกันขึ้นมา ซึ่งก็คือความบาดหมางกันระหว่างสโมสรต้นสังกัดของพวกเขา

เฟอร์ดินานด์ กล่าวประโยคสรุปบทสนทนานี้เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมดังนี้: “มันขึ้นอยู่กับความหมกมุ่นในการคว้าแชมป์ ผมไม่อยากให้ แฟรงค์ รู้คุณสมบัติของผมแบบทะลุปรุโปร่ง ผมไม่ต้องการพูดหรือแสดงอะไรที่จะทำให้เขาเอาไปใช้เพื่อให้ทีมของเขากุมชัยชนะเหนือพวกเราได้

“ตอนที่ผมในแคมป์เก็บตัวกับ สตีวี่(เจอร์ราร์ด) ทีมของเราต้องต่อสู้เพื่อถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก ผมจึงไม่อยากนั่งอยู่ใกล้ๆเขา ไม่อยากได้ยินเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับ ลิเวอร์พูล และเขาเองก็คงคิดเช่นนั้น"

เจอร์ราร์ด เองเมื่อได้ยินสิ่งที่ เฟอร์ดินานด์ พูดก็ยอมรับว่าทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นจริง เช่นเดียวกับ แลมพาร์ด ที่ยอมรับว่าสมัยเล่นกับ เวสต์แฮม เขาและ ริโอ นั้นเป็นเพื่อนสนิทนอนร่วมหอกันด้วยซ้ำ ก่อนที่สถานการณ์จะพลิกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อทั้งคู่ย้ายมาร่วมทีมที่เป็นอริกัน

โชคดีสำหรับ แกเร็ธ เซาต์เกต ที่ดูเหมือนว่าความบาดหมางกันในตอนนั้นจะไม่ลากยาวมาจนถึงในยุคนี้และทีมชาติ อังกฤษ ก็ดูแกร่งทีเดียวสำหรับทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ในฤดูร้อนนี้