ซน ฮึง-มิน อีกหนึ่งตัวแสบ แมนฯ ซิตี้ ในยุคของ เป๊ป - FEATURE

FBL-ENG-PR-TOTTENHAM-MAN CITY
FBL-ENG-PR-TOTTENHAM-MAN CITY / ADRIAN DENNIS/Getty Images
facebooktwitterreddit

ยังคงยืนหยัดเป็นหนึ่งในดาวเตะจากทวีปเอเชียที่โชว์ฝีเท้าบนดินแดนยุโรปได้โดดเด่นที่สุด สำหรับ ซน ฮึง-มิน กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ของ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะสามารถยิงประตูได้แบบต่อเนื่อง และได้ฝากอนาคตเอาไว้กับทีมต้นสังกัดปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว โดยจรดปากกาต่อสัญญาใหม่ออกไปจนถึงปี 2025 โน้นเลย เพื่อจะได้อยู่ล่าตาข่ายในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีต่อไปแบบยาวๆ นั่นเอง

Son Heung-min
Tottenham Hotspur v Manchester City - Premier League / Visionhaus/Getty Images

ถ้านับจนถึงช่วงหลังจบฤดูกาล 2020/2021 เท่ากับว่าดาวเตะหน้าตี๋วัย 29 ปีได้อยู่ปักหลักค้าแข้งกับ สเปอร์ส มานานถึง 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่ย้ายมาจาก "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมดังแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ในปี 2015 และได้ฝากผลงานยิงประตูไปได้มากถึง 108 ลูกจากการลงสนามในทุกรายการไปทั้งหมด 281 เกม จึงเป็นอีกหนึ่งตัวหลักในแนวรุกที่ "ไก่เดือยทอง" จะขาดไปเสียมิได้เลย

ย้อนหลังกลับไปในเกมประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021/2022 ดาวเตะจากดินแดนกิมจิได้สวมบทเป็น "ฮีโร่" จากการยิงประตูชัยให้ทีมต้นสังกัดโค่นแชมป์เก่าได้แบบผิดคาด โดยเป็นฝ่ายเปิดบ้านเฉือนชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ทำให้ ซน ฮึง-มิน กลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ชอบสอยตาข่ายทีมของกุนซือ "เป๊ป" โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า ได้อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากันในรายการไหนก็ตาม

Heung-Min Son
Tottenham Hotspur v Manchester City - Premier League / Shaun Botterill/Getty Images

แม้จะได้ครองบัลลังก์ความเป็น "เบอร์หนึ่ง" ของวงการฟุตบอลอังกฤษจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 สมัย นับตั้งแต่ "เป๊ป" ก้าวเท้าเข้ามารับงานคุมทัพ "เรือใบสีฟ้า" ในปี 2016 แต่ว่า ซน ฮึง-มิน ได้สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งใน "หอกข้างแคร่" ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเช่นกัน เพราะว่าทีมของโค้ชชาวสเปนต้องสังเวยตาข่ายให้กับดาวเตะเลือดโสมขาวไปแล้วถึง 7 ประตู โดยแบ่งออกเป็นในศึกพรีเมียร์ลีก 4 ลูก และในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 3 ลูก ซึ่งเคยดวลแข้งกันในรอบรองชนะเลิศของศึกลูกหนังสโมสรรายการใหญ่ที่สุดของทวีปเมื่อปี 2019 นั่นเอง

แต่สถิติตามตัวเลขดังกล่าวของ ซน ฮึง-มิน ไม่ได้เป็นอันดับ 1 เพราะรั้งอยู่ในอันดับ 2 เป็นรองเพียงแค่ เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงจอมเก๋าชาวอังกฤษของ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซึ่งยังคงตำแหน่ง "เบอร์หนึ่ง" ในฐานะ "ตัวแสบ" ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากการยิงประตู "เรือใบสีฟ้า" ในยุคของ "เป๊ป" ได้มากที่สุดถึง 9 ประตูเลยนั่นเอง โดยแบ่งออกเป็นในศึกพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 8 ลูก และในศึกคาราบาว คัพ อีกหนึ่งประตูด้วย

Jamie Vardy
เจมี่ วาร์ดี้ / Visionhaus/Getty Images

ขณะที่ โมฮาเม็ด ซาล่าห์ ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นหนึ่งใน "ตัวแสบ" ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเช่นกัน เพราะรั้งอยู่ในอันดับ 3 จากการยิงประตู "เรือใบสีฟ้า" ในยุคของ "เป๊ป" ได้ทั้งหมด 6 ลูก โดยแบ่งออกเป็นในศึกพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 4 ลูก และในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 2 ลูก ซึ่งเคยดวลแข้งกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของถ้วยใบใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปเมื่อปี 2018

ทั้งนี้ "เรือใบสีฟ้า" เคยแสดงทีท่าว่าอยากจะได้ผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าเข้ามาเสริมแนวรุก เพื่อทดแทนการจากไปของ เซร์คิโอ อเกโร่ ตำนานดาวยิงที่ได้ย้ายออกไปแล้วนั่นเอง จึงควรจะหันมาพิจารณาคว้า เจมี่ วาร์ดี้ หรือ ซน ฮึง-มิน เสียเลยก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้กำจัด 2 ตัวแสบ ให้ย้ายมาเป็นพวกเดียวกันเสียเลยดีกว่า และจะได้ไม่ต้องมี "หอกข้างแคร่" มาคอยกวนใจอีกต่อไป


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด