โรนัลโด้ ตำนานผู้คืนทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด กับภารกิจกอบกู้ศรัทธาหมายเลข 7 คนล่าสุด - FEATURE

BSC Young Boys v Manchester United: Group F - UEFA Champions League
BSC Young Boys v Manchester United: Group F - UEFA Champions League / Eurasia Sport Images/Getty Images
facebooktwitterreddit

ได้ย้ายกลับคืนสู่ถิ่นเก่าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีอีกครั้ง หลังจากที่เคยแจ้งเกิดกับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีกจนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบันเลย และได้กลับมาสวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์เดิมเมื่อตอนสมัยที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด รอบแรกอีกด้วย ทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสพร้อมที่จะกอบกู้ศรัทธาของเสื้อเบอร์ 7 ให้กลับมามีมนต์ขลังเหมือนอย่างเมื่อก่อนที่เคยเป็นเบอร์เสื้อของอดีตนักเตะระดับตำนานสโมสรหลายๆ คนเลยนั่นเอง

Eric Cantona
Eric Cantona Manchester United v Coventry City Premier League 1996 / Shaun Botterill/Getty Images

ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายทศวรรษที่แล้ว "ปีศาจแดง" ได้มอบเสื้อ เบอร์ 7 ให้กับเหล่านักฟุตบอลระดับชั้นยอดได้สวมใส่ลงสนามไปโชว์ฝีเท้าบนสังเวียนแข้งมาแล้วทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะ 5 ตำนานดาวเตะระดับโลกที่เคยใส่เสื้อเบอร์นี้มาก่อนแบบจากรุ่นสู่รุ่น ไล่ตั้งแต่ จอร์จ เบสต์ ในช่วงทศวรรษ 60-70, ไบรอัน ร็อบสัน ในช่วงทศวรรษ 80, เอริค คันโตน่า ในช่วงต้นทศวรรษ 90, เดวิด เบ็คแฮม ในช่วงปลายทศวรรษ 90 และได้ตกทอดมาถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบแรกระหว่างปี 2003-2009

ก่อนหน้านี้ โรนัลโด้ เคยเรียกร้องขอสวมเสื้อหมายเลข 28 เมื่อตอนสมัยที่ย้ายร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2003 เพราะเป็นเบอร์เสื้อที่เคยใช้แจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมต้นสังกัดแรกในอาชีพนักฟุตบอลนั่นเอง แต่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ "ปีศาจแดง" ซึ่งเป็นคนดึงเด็กหนุ่มชาวโปรตุกีสมาจากบ้านเกิดเมื่อตอนสมัยที่เพิ่งมีอายุเพียง 18 ปีได้ออกคำสั่งให้ใส่เสื้อเบอร์ 7 ไปเลย เพราะตอนนั้นเชื่อมั่นว่า โรนัลโด้ จะสามารถก้าวเท้าขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลกได้อย่างแน่นอน และก็เป็นดั่งที่คาดหวังเอาไว้เสียด้วย

FBL-FRA-EUR-AWARD-RONALDO
FBL-FRA-EUR-AWARD-RONALDO / FRANCK FIFE/Getty Images

ในช่วงระหว่างปี 2003-2009 โรนัลโด้ ได้สร้างชื่อจนกลายเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะของ "ปีศาจแดง" ไปเลย เพราะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จได้แบบต่อเนื่อง โดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 สมัย รวมถึงก้าวเท้าขึ้นไปผงาดยึดบัลลังก์ "เจ้าสโมสรยุโรป" ในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 ได้ด้วย และได้ฝากจากตอนที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด รอบแรกด้วยสถิติยิงประตูได้มากถึง 118 ลูกจากการลงสนามในทุกรายการไปทั้งหมดถึง 292 เกมเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเคยได้รับเลือกให้คว้ารางวัล "บัลลงดอร์" ในฐานะนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปเมื่อปี 2008 และจารึกชื่อเป็นนักเตะคนที่ 4 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจาก 3 ตำนานในแนวรุกเมื่อช่วงทศวรรษ 60-70 นั่นก็คือ เดนิส ลอว์ ในปี 1964, บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ในปี 1966 และ จอร์จ เบสต์ ในปี 1968

แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2009 โรนัลโด้ ได้ตัดสินใจโบกมืออำลา "ปีศาจแดง" เพื่อย้ายออกไปตามหาความฝันของตัวเอง นั่นก็คือการย้ายไปค้าแข้งกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน สักครั้งหนึ่งในชีวิตด้วยสถิติเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดของโลกในยุคนั้นสูงถึง 80 ล้านปอนด์เลยทีเดียว และได้ทิ้งเสื้อหมายเลข 7 ให้กลายเป็นเพียงแค่ตำนานอยู่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่เริ่มจะสิ้นมนต์ขลังลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าหลังจากนั้นจะมีนักเตะหลายๆ คนที่ได้ย้ายมาสวมใส่เสื้อเบอร์ 7 แต่กลับไม่มีใครที่สามารถกอบกู้ศรัทธาของเสื้อหมายเลขนี้ให้กลับคืนมาได้เลย

Michael Owen
Manchester United v Bolton Wanderers - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images

นับตั้งแต่ โรนัลโด้ เก็บข้าวของย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2009 หลังจากนั้นมีนักเตะถึง 6 รายที่ได้ใส่เสื้อเบอร์ 7 ต่อจากดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องของความกดดันจากการที่สวมใส่เสื้อเบอร์นี้ด้วยหรือเปล่า จึงไม่มีใครสานต่อความตำนานของเสื้อหมายเลขนี้ได้เลย ไล่ตั้งแต่ ไมเคิล โอเว่น อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่ได้ย้ายมาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ระหว่างปี 2009–2012 ในช่วงหลังหมดสัญญากับ นิวคาสเซิ่ล ในปี 2009 แม้จะเคยเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะของทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มาก่อน แต่โชว์ฟอร์มให้กับ "ปีศาจแดง" ได้ไม่แจ่มนัก เพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ ด้วย จึงฝากผลงานยิงประตูไปทั้งหมด 17 ลูกจากการลงสนาม 52 เกมในทุกรายการ

หลังจากนั้น หลุยส์ อันโตนิโอ วาเลนเซีย อดีตนักเตะทีมชาติเอกวาดอร์ที่เคยค้าแข้งกับ "ปีศาจแดง" ระหว่างปี 2009-2019 หลังย้ายมาจาก วีแกน ในปี 2009 ได้เคยโยกมาใส่เสื้อเบอร์ 7 ในช่วงฤดูกาล 2012-2013 แต่ไม่สามารถแบกรับความกดดันจากการสวมใส่เบอร์ในตำนานได้ และทำให้โชว์ฟอร์มในช่วงซีซั่นดังกล่าวได้ไม่ค่อยดีนัก แม้จะได้ลงสนามในทุกรายการมากถึง 40 เกมเลยทีเดียว แต่ฝากผลงานยิงได้แค่หนึ่งประตูจากตอนที่ใส่เสื้อเบอร์ 7 เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น จึงตัดสินใจกลับไปสวมใส่หมายเลข 25 ซึ่งเป็นเบอร์เก่าเหมือนเดิมดีกว่า

Angel Di Maria
Manchester United v Chelsea - Premier League / Alex Livesey/Getty Images

เมื่อเข้าสู่ปี 2014 อังเคล ดิ มาเรีย กองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่าได้ย้ายมาสวมเสื้อหมายเลข 7 ของ "ปีศาจแดง" ในช่วงหลังย้ายมาจาก เรอัล มาดริด เมื่อปี 2014 ด้วยสถิติที่เคยเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของเกาะอังกฤษในยุคนั้นสูงถึง 59.7 ล้านปอนด์ แต่ไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด จึงขอย้ายไปค้าแข้งในฝรั่งเศสกับ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปี 2015 จนถึงปัจจุบัน โดยฝากผลงานยิงประตูได้เพียง 4 ลูกจากการลงสนาม 32 เกมในทุกรายการ หลังจากนั้น เมมฟิส เดปาย กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ได้ย้ายมาใส่เสื้อเบอร์ 7 หลังย้ายมาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในบ้านเกิด แต่ปัญหาเรื่องการปรับตัวอย่างหนัก จึงไม่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริงเสียเท่าไรนัก และต้องย้ายออกไปในปี 2017 โดยฝากผลงานยิงประตูได้เพียง 7 ลูกจากการลงสนาม 53 เกมในทุกรายการ

ส่วนในปี 2018 อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าทีมชาติชิลีได้ย้ายมาจาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล และได้สวมเสื้อเบอร์ 7 ของ "ปีศาจแดง" ด้วย แต่กลับประสบความล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า เพราะโชว์ฝีเท้าไม่คุ้นค่าเหนื่อยที่เคยต้องจ่ายให้เป็นสถิติแพงที่สุดของเกาะอังกฤษสูงถึงสัปดาห์ละ 500,000 ปอนด์เลยทีเดียว จึงถูกปล่อยให้ย้ายไปค้าแข้งกับ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวในปี 2019 และถูกโละทิ้งแบบไม่มีค่าตัวไปเลย โดยฝากผลงานยิงประตูได้เพียง 5 ลูกจากการลงสนาม 45 เกมในทุกรายการ หลังจากนั้น เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าจอมเก๋าทีมชาติอุรุกวัยได้ย้ายมาใส่เสื้อเบอร์ 7 ในช่วงหลังหมดสัญญากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อปี 2020 และผลงานได้น่าประทับใจเสียด้วย เพราะยิงประตูได้มากถึง 17 ลูกจากการลงสนาม 39 เกมในช่วงตลอดทั้งฤดูกาล 2020/2021

Alexis Sanchez
Manchester United v Crystal Palace - Premier League / Alex Livesey/Getty Images

แต่หลังจากที่ โรนัลโด้ ได้ตัดสินใจโบกมืออำลา ยูเวนตุส ในช่วงก่อนปิดตลาดซื้อขายนักเตะรอบแรกเมื่อตอนสิ้นเดือนสิงหาคมปี 2021 เพื่อย้ายกลับมาร่วมทัพ "ปีศาจแดง" เป็นรอบที่ 2 จึงได้สวมใส่เสื้อเบอร์ 7 อีกครั้ง เพราะเป็นหมายเลขประจำตัวไปแล้วนั่นเอง และได้ถูกนำไปใช้เป็นแบรนด์สินค้าของตัวเองภายใต้ชื่อว่า CR7 อีกด้วย ซึ่งต้องขอบคุณ คาวานี่ ที่ยอมเสียสละให้เพื่อหันไปใส่เบอร์ 21 เหมือนตอนที่รับใช้บ้านเกิดในช่วงหลังที่ ดาเนี่ยล เจมส์ เจ้าของเสื้อหมายเลข 21 ย้ายไปค้าแข้งกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

แม้จะมีอายุมากถึง 36 ปีแล้ว แต่ด้วยฝีเท้าที่ยังอยู่ในขั้นระดับโลก ทำให้ โรนัลโด้ พร้อมกลับมากอบกู้ศรัทธาของเบอร์ 7 ซึ่งเป็นหมายเลขเสื้อในตำนานของ "ปีศาจแดง" ให้กลับมามีมนต์ขลังอีกครั้งหนึ่งให้ได้ด้วยเช่นกัน

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด