เหตุไฉน เชลซี ยอมทุ่มเงินคว้า ลูกากู กลับมายืนเป็นหัวหอกอีกครั้ง - FEATURE

FBL-EURO-2020-2021-MATCH46-BEL-ITA
FBL-EURO-2020-2021-MATCH46-BEL-ITA / STUART FRANKLIN/Getty Images
facebooktwitterreddit

หลังจากที่ต้องเก็บข้าวของย้ายทีมอยู่เป็นประจำ และได้พเนจรย้ายไปค้าแข้งให้ทีมต่างๆ มาแล้วถึง 7 สโมสรเลยด้วย ตอนนี้ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงทีมชาติทีมชาติเบลเยี่ยมก็ได้ตัดสินใจคืนสู่เหย้าหวนกลับไปร่วมทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี อีกครั้งหนึ่ง หลังตกลงย้ายจาก "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน กลับสู่ทีมเดิมด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของสโมสรไปเลย

Timo Werner, Olivier Giroud
Fulham v Chelsea - Premier League / Pool/Getty Images

ทั้งนี้ เชลซี มีปัญหาเรื่องแนวรุกอยู่พอสมควร เพราะขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าที่จบสกอร์ได้แบบเฉียบขาด แม้จะมี ติโม แวร์เนอร์, แทมมี่ อับราฮัม รวมถึง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ให้เลือกใช้งานได้เมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้ว แต่ทั้ง 3 คนดังกล่าวกลับโชว์ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา และยิงประตูได้น้อยกว่าที่หวังเอาไว้ หากดูจากผลงานการสอยตาข่ายในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงฤดูกาลก่อน ไล่ตั้งแต่ แวร์เนอร์ ยิงได้เพียง 6 ประตูจากการลงเล่น 35 เกม ส่วน อับราฮัม ยิงได้ 6 ประตูจากการลงเล่น 22 เกม และปิดท้ายด้วย ชิรูด์ ยิงได้เพียง 4 ลูกจากการลงเล่น 17 เกม ทำให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ต้องขยับ ไค ฮาเวิรตซ์ ให้ขึ้นไปสวมบทเป็นกองหน้าจำเป็นอยู่บ่อยๆ เพราะสามารถทำประโยชน์จากการส่วนร่วมในแดนหน้าได้มากกว่า

ด้วยเหตุนี้ เชลซี จึงต้องทุ่มเงินคว้า ลูกากู ซึ่งเคยค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ให้ย้ายกลับมาช่วยเติมความคมในแนวรุกเสียเลย ถ้าดูจากผลงานที่ได้ฝากเอาไว้เมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้ว โดยยิงประตูในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ได้มากถึง 24 ลูกจากการลงสนาม 36 เกม และซัลโวตาข่ายได้มากถึง 30 ลูกจากการลงเล่น 44 เกมในทุกรายการ

Erling Haaland
Borussia Dortmund v Eintracht Frankfurt - Bundesliga / Joosep Martinson/Getty Images

แม้จะเคยแสดงทีท่าว่าสนใจในฝีเท้าของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยเหมือนกัน แต่เนื่องจากว่าทีมต้นสังกัดของดาวยิงวัย 21 ปีได้ประกาศตั้งค่าตัวพร้อมขายในราคาสูงถึง 150 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ทำให้ เชลซี มองว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป หากเทียบกับเงื่อนไขในค่าฉีกสัญญาที่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีหน้า และจะทำให้มีค่าตัวเหลือเพียง 65 ล้านปอนด์อีกด้วย จึงตัดสินใจหันไปจ่ายเงินดึงดาวยิงร่างยักษ์ทีมชาติเบลเยี่ยมกลับมาใช้งานอีกครั้งดีกว่า เพราะมีค่าตัวอยู่ในระดับที่ไม่แพงเวอร์จนเกินไปนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ "สิงโตน้ำเงินคราม" เคยคว้า ลูกากู เข้ามาร่วมทีมแล้วรอบหนึ่ง เมื่อตอนสมัยที่เพิ่งแจ้งเกิดกับ อันเดอร์เลชท์ ในบ้านเกิดเมื่อปี 2011 ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ แต่กลับไม่ให้โอกาสลงสนามเลย และได้ปล่อยให้ เวสต์บรอมวิช กับ เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวไปใช้งานด้วย ทำให้กองหน้าร่างยักษ์ได้พัฒนาฝีเท้าไปพร้อมๆ กับการฝากผลงานยิงประตูได้แบบต่อเนื่องเลย ทว่า เชลซี กลับตัดสินใจขายให้ เอฟเวอร์ตัน แบบถาวรในปี 2014 ด้วยค่าตัว 28 ล้านปอนด์ไปเลย เพราะตอนนั้นมี เฟอร์นันโด้ ตอร์เรส ซึ่งได้ทุ่มเงินคว้ามาจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อยู่แล้วนั่นเอง แม้จะผลิตสกอร์ได้น้อยมากๆ เลยก็ตาม

Romelu Lukaku
Romelu Lukaku of FC Internazionale celebrates after scoring... / Nicolò Campo/Getty Images

หลังจากนั้น ลูกากู สามารถยิงประตูได้แบบสม่ำเสมอ และกลายเป็นหนึ่งในดาวยิงระดับหัวแถวของศึกพรีเมียร์ลีกไปเลย ทำให้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจทุ่มเงินตัวมาร่วมทีมในปี 2017 ด้วยค่าตัวสูงถึง 75 ล้านปอนด์ แต่กลับมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เสียเท่าไรนัก จึงถูกปล่อยให้ย้ายไปซบ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2019 ด้วยค่าตัว 73 ล้านปอนด์ ก่อนจะเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้สำเร็จ โดยฝากผลงานสอยตาข่ายจากช่วงตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาได้มากถึง 64 ลูกจากการลงเล่น 95 เกมในทุกรายการ และสามารถทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมสอยตาข่ายได้ถึง 16 แอสซิสต์อีกด้วย จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมกลับมาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา เมื่อฤดูกาลก่อนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว

ทว่า อินเตอร์ มิลาน มีปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก จึงต้องตัดสินใจขาย ลูกากู เพื่อนำเงินค่าตัวมาจุนเจือสโมสร โดยได้ตอบรับข้อเสนอของ เชลซี ซึ่งยอมจ่ายค่าตัวให้สูงถึง 97.5 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ทำให้ดาวยิงวัย 28 ปีได้ขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ไปเลย เพราะแซงหน้าสถิติเดิมของ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารชาวสเปน เมื่อตอนที่ย้ายมาจาก แอธเลติก บิลเบา ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 71.6 ล้านปอนด์นั่นเอง แม้จะสูญเสียความเป็น "เบอร์หนึ่ง" ของสถิติดังกล่าว และต้องหล่นลงไปอยู่อันดับ 2 เสียแล้ว แต่ยังคงเป็นเจ้าของสถิติผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกเอาไว้ได้ต่อไป

แม้จะเคยเป็นส่วนเกินจากตอนที่โดนขายทิ้งในครั้งแรก แต่ตอนนี้ ลูกากู ได้คืนสู่เหย้าย้ายกลับมาล่าตาข่ายในถิ่นเดิมเป็นรอบ 2 ด้วยการเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดของ เชลซี ไปเลย เพื่อให้เข้ามาช่วยเต็มเติมในแนวรุกตามตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่ขาดหายไปนั่นเอง

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด