ย้อนรอยสถิติ ที่สุด ในพงศาวดารลูกหนังยูโร - FEATURE
เพราะเป็นเกมฟาดแข้งระดับทวีปที่ชิงชัยกันมานานกว่า 60 ปีแล้ว ทำให้ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ยูโร มีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากเกมแข่งขันมากมายเลยด้วย และมีการจารึกสถิติต่างๆ ทั้งในแบบประเภทของทีม รวมถึงของนักเตะแต่ละคนเต็มไปหมดเลย ลองไปดูตำนานตัวเลขที่เป็น "ที่สุด" ในพงศาวดารขอศึกลูกหนังรายการนี้กันเสียหน่อย เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนที่ ยูโร 2020 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งที่ 16 จะโม่แข้งกันในช่วงระหว่างวันที่ 11 มิ.ย. ไปจนถึงนัดชิงในวันที่ 11 ก.ค.โน้นเลย
ทีมครองแชมป์ยูโรมากที่สุด
เริ่มต้นกันด้วยสถิติแบบประเภททีม โดยชาติลูกหนังที่คว้าแชมป์ยูโรได้มากที่สุด ซึ่งมีอยู่ 2 ประเทศที่เคยได้ชูถ้วยแชมป์ถึง 3 สมัยเท่ากัน นั่นก็คือ สเปน ในปี 1964, 2008, 2012 และ เยอรมนี ในปี 1972, 1992, 1996
นอกจากนี้ทัพลูกหนัง "อินทรีเหล็ก" ยังครองสถิติเป็นทีมที่ได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงได้มากที่สุดถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว แต่ต้องอกหักได้เพียงรองแชมป์ถึง 3 ครั้ง ในปี 1978, 1992, 2008
ทีมที่ได้เล่นรอบสุดท้ายมากสุด
ส่วนชาติลูกหนังที่ได้ผ่านเข้ามารอบสุดท้ายมากที่สุด เป็นของ เยอรมนี โดยนับตั้งแต่ตอนสมัยที่ยังเป็น เยอรมันตะวันตก และได้ถึงเข้ารอบสุดท้ายถึง 13 ครั้งติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ในศึกยูโร 1972 จนถึงยูโร 2020
ตามมาด้วยอันดับ 2 รัสเซีย นับตั้งแต่ตอนสมัยที่ยังเป็น สหภาพโซเวียต ด้วยจำนวน 12 ครั้ง และอันดับ 3 นั่นก็คือ สเปน ด้วยจำนวน 10 ครั้ง
นอกจากนี้ทัพลูกหนัง "อินทรีเหล็ก" ยังครองสถิติลงสนามในรอบสุดท้ายมากที่สุดไปแล้วทั้งหมดถึง 53 เกมเลยทีเดียว และเป็นทีมที่เก็บชัยได้มากที่สุดถึง 28 เกมอีกด้วย
นักเตะที่ได้ลงสนามในรอบสุดท้ายมากสุด
ไปดูเรื่องของสถิติแบบเฉพาะบุคคลกันบ้าง เริ่มต้นกันด้วย นักเตะที่ได้ลงเล่นในรอบสุดท้ายของศึกยูโรมากที่สุด เป็นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสด้วยจำนวน 21 เกม และมีโอกาสเพิ่มตัวเลขของสถิตินี้จากการลงสนามในศึกยูโร 2020 ได้ด้วย
ส่วนอันดับ 2 เป็นของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนีด้วยจำนวน 18 เกม และอันดับ 3 จานลุยจิ บุฟฟ่อน อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลีด้วยจำนวน 17 เกม
นักเตะที่มีชื่อติดทีมไปเล่นรอบสุดท้ายมากสุด
ขณะที่นักเตะที่ได้เข้าร่วมฟาดแข้งในรอบสุดท้ายของศึกยูโรมากที่สุด เป็นของ อีเคร กาซิยาส อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติสเปน โดยมีรายชื่อติดโผไปรับใช้บ้านเกิดในทัวร์นาเมนต์ทั้งหมดถึง 5 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ในศึกยูโร 2000, ยูโร 2004, ยูโร 2008, ยูโร 2012, ยูโร 2016 แต่ในศึกยูโร 2000 และยูโร 2016 เป็นเพียงตัวสำรองไม่ได้ลงสนามไปยืนเฝ้าเสาแม้แต่นัดเดียว
นักเตะอายุมากสุด-น้อยสุดที่ได้ลงเล่นในรอบสุดท้าย
ส่วนนักเตะอายุมากสุดที่ได้ลงเล่นรอบสุดท้ายในศึกยูโร คือ กาบอร์ คิราลี่ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติฮังการีลงสนามในศึกยูโร 2016 นัดประเดิมสนามที่ชนะ ออสเตรีย 2-0 ด้วยวัย 40 ปี 86 วัน
ด้านนักเตะอายุน้อยสุดที่ได้ลงเล่นรอบสุดท้ายในศึกยูโร คือ เจโทร วิลเลี่ยมส์ อดีตกองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ลงสนามในศึกยูโร 2012 นัดประเดิมสนามที่แพ้ เดนมาร์ก 0-1 ด้วยวัย 18 ปี 71 วัน
นักเตะที่ยิงประตูในรอบสุดท้ายได้มากสุด
สำหรับนักเตะที่ยิงประตูในรอบสุดท้ายของศึกยูโรได้มากที่สุด มีอยู่ 2 คนที่สอยตาข่ายได้ 9 ลูกเท่ากันพอดี เริ่มต้นกันด้วย มิเชล พลาตินี่ ตำนานจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าของสมญานามแบบไทยๆ ว่า "นโปเลียนลูกหนัง" โดยซัลโวได้ทั้งหมดจากการลงเล่นในศึกยูโร 1984 เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และสามารถคว้าแชมป์บนแผ่นดินเกิดเมื่อตอนที่สวมบทเจ้าภาพได้ด้วย
ส่วนอีกรายคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสจากการลงเล่นทั้งหมด 3 ครั้ง แบ่งออกเป็น 2 ประตูในศึกยูโร 2004, 1 ประตูในศึกยูโร 2008, 3 ประตูในศึกยูโร 2012 และ 3 ประตูในศึกยูโร 2016 ดังนั้น โรนัลโด้ จึงมีโอกาสยึดสถิตินี้แบบเดี่ยวๆ ไปเลย หากยิงได้อีกสักหนึ่งประตูในศึกยูโร 2020
นักเตะอายุมากสุด-น้อยสุดที่ยิงประตูได้ในรอบสุดท้าย
ด้านสถิตินักเตะอายุมากสุดที่ยิงประตูได้ในรอบสุดท้ายของศึกยูโร เป็นของ อิวิก้า วาสติช อดีตกองหน้าทีมชาติออสเตรีย ซึ่งสอยตาข่ายได้ในเกมรอบแรกที่เสมอ โปแลนด์ 1-1 ในศึกยูโร 2008
ส่วนสถิตินักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูได้ในรอบสุดท้ายของศึกยูโร เป็นของ โยฮัน วอนลันเทน อดีตกองหน้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยิงได้ในเกมรอบแรกที่แพ้ ฝรั่งเศส 1-3 ในศึกยูโร 2004 นั่นเอง
สำหรับนักเตะที่ยิงประตูในรอบสุดท้ายของศึกยูโรได้เร็วที่สุด เป็นของ ดิมิทรี คิริเชนโก้ อดีตกองหน้าทีมชาติรัสเซีย ซึ่งยิงได้ในเกมรอบแรกที่ชนะ กรีซ 2-1 ในศึกยูโร 2004 ด้วยเวลาเพียง 67 วินาทีเท่านั้น
นักเตะที่ได้แชมป์ยูโรมากที่สุด
ปิดท้ายด้วยนักเตะที่คว้าแชมป์ยูโรได้มากที่สุด มีมากถึง 13 รายที่ได้แชมป์ 2 สมัยเท่ากันทั้งหมดเลย เริ่มจาก ไรเนอร์ บอนฮอฟ อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนีในศึกยูโร 1972 และยูโร 1980
รวมถึงแก็งค์นักเตะทีมชาติสเปนชุดแชมป์ยูโร 2 สมัยติดต่อกันในปี 2008 และ 2012 อีกถึง 12 รายเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่ ซาบี้ อลอนโซ่, อีเคร กาซิยาส, เชส ฟาเบรกาส, อันเดรียส อิเนียสต้า, เซร์คิโอ รามอส, ดาบิด ซิลบา, เฟอร์นันโด้ ตอร์เรส, ซาบี้ เฮอร์นันเดซ, ราอูล อัลบิโอล, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ซานติ กาซอร์ล่า และ เปเป้ เรน่า
นี่คือสถิติความเป็น "ที่สุด" ในเรื่องต่างๆ ตามที่ได้มีการจารึกเอาไว้ในพงศาวดารของศึกยูโรนั่นเอง
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด