เจาะจุดตาย เอฟเวอร์ตัน บนความเสี่ยงที่จะหลุดจากวงโคจร พรีเมียร์ลีก ส่อยุติเส้นทาง 69 ปีบนลีกสูงสุด - FEATURE
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จมีโทรฟี่ติดไม้ติดมือมาชาติกว่า หรือตั้งแต่ที่ได้ เอฟเอ คัพ ปี 1995 แต่สิ่งที่สาวกทอฟฟี่ เอฟเวอร์ตัน สามารถอวดอ้างอย่างภาคภูมิใจได้ ก็คือการที่พวกเขายืนระยะในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี บวกยุค พรีเมียร์ลีก มาอย่างยาวนาน 69 ปี 69 ซีซั่นติดต่อกันเข้าไปแล้ว ถัดจากที่ร่วงหล่นหนสุดท้ายเมื่อ 1951 โน่นเลย
เพียงแต่เมื่อทุกสิ่งมีวันหมดอายุ ก็น่าเสียวสันหลังว่า เอฟเวอร์ตัน กำลังจะหมดอายุการยืนเด่นเป็นสง่าในลีกสูงสุดลงแต่เพียงซีซั่นนี้
ว่าแต่มันเพราะอะไร ความผิดพลาดอยู่ที่ตรงไหน ฟันเฟืองใดที่ไม่ทำงาน และรวมถึงว่า ยังพอมีโอกาสไหมที่ เอฟเวอร์ตัน จะได้ไปต่อกับ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า...
กุนซือใหม่...ยังพลิกชะตาไม่ได้
ก็ออกจะคล้ายๆ เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่เหมือนกันที่กว่าจะออกคำสั่งอะไรมาที ก็เชื่องช้ายืดยาดเกินไปหน่อย เมื่อกว่าที่ เอฟเวอร์ตัน จะสั่งปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ออกได้ ก็ต้องรอถึงช่วงขึ้นปีใหม่ 2023 แล้ว
ทั้งที่การให้ความไว้ใจ เพื่อตอบแทนรางวัลหนีตายสำเร็จ เข้าป้ายอันดับ 16 ในฤดูกาลที่แล้ว 2021/22 (ชนะ 4 จาก 9 เกมสุดท้าย) ได้แปรเปลี่ยนเป็นความ "เข็นไม่ขึ้น" ทอฟฟี่เมนของ แลมพาร์ด ไม่ชนะใครเลยใน 6 เกมแรกของซีซั่นนี้ (เสมอ 4 แพ้ 2) และชนะแค่ 3 จาก 16 เกมก่อนมี ฟุตบอลโลก 2022 มาคั่นกลาง
ณ ตอนนั้น ทีมทอฟฟี่ก็ปริ่มๆ ที่ปากเหวของโซนตกชั้นแล้ว
หนึ่งคือกว่าจะเปลี่ยนก็ช้าเหลือหลาย และสองคือ เมื่อ ชอน ไดช์ เข้ามาแล้ว ก็ยังพลิกฟื้นคืนความสุขให้แฟนๆ ไม่ได้เท่าที่ควร
แม้จะเปิดฉากอย่างเร้าใจ สยบ อาร์เซน่อล 1-0 ในเกมประเดิมคุมของอดีตนายใหญ่เบิร์นลี่ย์ เมื่อ 4 ก.พ. แต่หลังจากนั้นก็แพ้เสีย 3 จาก 4 เกมที่ลงสนาม (รวมถึงโดน อาร์เซน่อล เอาคืน 4-0) และโดยเฉพาะว่าจาก 5 มี.ค. จนวันนี้ เอฟเวอร์ตัน ชนะชาวบ้านเขาได้แค่เกมเดียวเท่านั้น
- เสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-2
ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0
เสมอ เชลซี 2-2
เสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 1-1
แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2
แพ้ ฟูแล่ม 1-3
แม้จะมีเกมดีๆ อย่างการดึงแต้มจาก เชลซี หรือ สเปอร์ส ได้ แต่ก็ยังแทรกด้วยความน่าผิดหวังอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่กล้าๆ แพ้ ฟูแล่ม คา กูดิสัน พาร์ค 1-3 ทั้งที่เจ้าสัวน้อยอยู่ในสถานะลอยตัวกลางตารางไม่เหลือลุ้นอะไรแล้ว แถมดาวยิงเบอร์ 1 อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยังติดแบนอีกต่างหาก
เท่ากับหลังจากผ่านไป 31 นัด--เหลือแค่ 7 เกมสุดท้ายของซีซั่น เอฟเวอร์ตัน จมอันดับ 17 ด้วยแต้มที่เท่ากันกับเบอร์ 18 ฟอเรสต์ พอดีเป๊ะ (27:27) แบบดีกว่าเพียงผลต่างประตูได้เสีย เท่านั้น
เกมรุกแย่สุดในพรีเมียร์ลีก
หนึ่งในจุดตายสำคัญสุดของ เอฟเวอร์ตัน 2022/23 คือ "เกมรุก" ที่ไม่ค่อยจะเอาอ่าวเอาทะเลสักเท่าไร
การเสีย ริชาร์ลิซอน ย้ายออก คือหนึ่งปัจจัยหลัก ถัดมาคือความเปราะบางเดี๋ยวลงเดี๋ยวเจ็บของ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน จนฟอร์มที่เคยแรงๆ หายเกลี้ยง
เมื่อจากการเป็นเจ้าของ 21 ประตูในซีซั่น 2020/21 และถูกเชื่อมโยงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือหลายๆ ทีมแล้ว ปีถัดมา ยอดพังตาข่ายของ คัลเวิร์ต-เลวิน ก็ลดลงเหลือแค่ 5 ลูก และต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดๆ กับซีซั่นนี้ ที่มีแค่ 1 ประตูโดดๆ จากการเล่น 12 นัด
ส่วนตัวที่ซื้อเข้ามาใหม่ นีล โมปาย 15 ล้านปอนด์จาก ไบรท์ตัน บอกได้คำเดียวว่า "สอบตก" กับการยิงไป 1 ลูกถ้วนเช่นเดียวกัน
จนถึงตอนนี้ นี่คือชาร์ตดาวซัลโวของ เอฟเวอร์ตัน
- 6 ประตู - ดีมาไร เกรย์ (4 ลูกในพรีเมียร์ลีก)
3 ประตู - แอนโธนี่ กอร์ดอน (3), ดไวท์ แม็คนีล (3)
2 ประตู - อับดูลาย ดูคูเร่ (2), คอนเนอร์ โคดี้ (1)
1 ประตู - 9 คน
เมื่อยอดพังสกอร์ของแต่ละคนมันจุ๋มจิ๋มประมาณนี้ ข้อเท็จจริงที่ตามมาก็คือ เอฟเวอร์ตัน เป็นหนึ่งใน 3 ทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดในลีก เพียง 24 ประตู เทียบเท่ากับ ฟอเรสต์ และบ๊วย เซาแธมป์ตัน
เกมรับ...ระดับ 'พิคฟอร์ด' ก็ช่วยไม่ไหว
เกมรุกเป็นหนึ่งในทีมที่แย่ที่สุดในลีก ขณะที่เกมรับ แม้จะไม่ถึงกับติดกลุ่มท็อป แต่ก็โดนเจาะไปแล้ว 46 ประตูจาก 31 นัด
นี่ขนาดว่า จอร์แดน พิคฟอร์ด โชว์ฟอร์มสมราคามือ 1 ทีมชาติอังกฤษ มาตลอดแล้วนะ!
อันดับจอมเซฟ 2022/23 | จำนวนเซฟ |
---|---|
1. ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด) | 131 |
2. แบร์นด์ เลโน่ (ฟูแล่ม) | 115 |
3. จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน) | 106 |
4. โชเซ่ ซา (วูล์ฟส์) | 91 |
5. อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล) | 90 |
ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม ขนาดว่า พิคฟอร์ด เซฟแล้วเซฟอีกจนติดท็อปทรี ทีมทอฟฟี่ก็ยังโดนเจาะไปแล้ว 46 ตุง (สูงสุดอันดับ 6) และมีเกมทำคลีนชีตสำเร็จแค่ 7 นัดเท่านั้น
ซึ่งก็ด้วยปัจจัยหลากหลายอย่างแผงหลังที่ไม่แข็งแรง, คู่เซนเตอร์แบ็กที่ไม่ค่อยลงตัว, มิดฟิลด์เกมรับที่ไม่เจนจัด ไปจนถึงความผิดพลาดส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นกับหลายนักเตะ ไม่เว้นกระทั่งตัวแก่พรรษา อิดริสซ่า กาน่า เกย์ ที่อุตส่าห์ไปดึงกลับมาจาก เปแอสเช
จัดว่าแย่ทั้งเหย้าเยือน
รุกไม่ดี รับไม่แข็ง แถมผลงานทั้งเกมเหย้าเกมเยือนก็ติดลบไปหมด
ถึงตรงนี้ แต่ละทีมลงเล่นเกมเหย้าและเยือนไปแล้วอย่างละ 15-16 นัด โดยที่คู่แข่งแย่งแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล แบ่งกันเป็นเต้ยในแต่ละหมวด -- เหย้า แมนฯ ซิตี้ เป็นผู้นำที่ 40 แต้ม (อาร์เซน่อล 38) ส่วนผลงานเกมเยือน อาร์เซน่อล มาดีสุด 36 คะแนน (แมนฯ ซิตี้ 30)
ในขั้วตรงกันข้าม ก็มี เอฟเวอร์ตัน ที่ติดอยู่ทั้งสองหมวด
16 เกมเหย้า ณ กูดิสัน พาร์ค ทีมทอฟฟี่ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 8 เก็บได้ 18 คะแนน แย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 เลวร้ายกว่านี้มีแค่ เลสเตอร์ (12) กับ เซาแธมป์ตัน (10)
ส่วน 15 เกมเยือนนอกรัง ทีมทอฟฟี่ชนะแค่ 1 เสมอ 6 แพ้ 8 เก็บได้เพียง 9 คะแนน แย่สุดเป็นเบอร์ 2 ห่วยกว่านี้มีแค่ ฟอเรสต์ (6 แต้ม) รายเดียว
ควรนับว่าน่าตกใจเป็นพิเศษกับผลงานเกมเยือน ซึ่ง เอฟเวอร์ตัน สามารถเอาชนะได้แค่เกมเดียวโดดๆ เหนือ เซาแธมป์ตัน 2-1 ตลอดทั้งซีซั่นจนถึงตอนนี้
และเพราะตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร 18 แต้มเหย้า + 9 แต้มเยือน จึงกลายเป็น 27 แต้มรวม...ย้ำว่าดีกว่าอันดับ 18 ฟอเรสต์ แค่เพราะผลต่างประตู (-22 : -32) เท่านั้น
21 แต้มสุดท้าย จะได้สักเท่าไหร่?
31 เกมผ่าน ได้มาแค่ 27 แต้ม ท่ามกลางปัญหาที่เห็นชัดในหลายแง่ ย่อมเป็นคำถามว่า กับ 7 เกม--แต้มที่ยังเหลือให้เก็บเกี่ยว 21 แต้มสุดท้าย เอฟเวอร์ตัน จะดึงเข้ากระเป๋าได้สักกี่มากน้อย
ซึ่งก็ไม่ง่ายเลยอีกเหมือนกัน กับ 7 เกมที่รอให้เคลียร์
- 22/04 เยือน คริสตัล พาเลซ
27/04 เหย้า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
01/05 เยือน เลสเตอร์ ซิตี้
08/05 เยือน ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน
13/05 เหย้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้
20/05 เยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
28/05 เหย้า บอร์นมัธ
กวาดตาดูรายนามคู่แข่งทั้งหมดทั้งมวล จะไม่แปลกใจเลยหากว่าที่สุดแล้ว เอฟเวอร์ตัน สามารถทำเพิ่มได้อีกแค่ 5-6 แต้มจากคะแนนเต็ม 21
ก็ลองลุ้นกันเกมต่อเกม วีกต่อวีกกันไปแล้วกัน ว่า ชอน ไดช์ จะพาทีมทอฟฟี่ไปจอดที่ตรงไหนในป้ายสุดท้าย
เพียงแต่จากความ "สาละวันเตี้ยลง" ที่เป็นมาใน 2 ปีหลัง ปีก่อนหวิดร่วง ปีนี้ลูกผีลูกคน
กองเชียร์ฮาร์ดคอร์บางคนจึงบอก แม้อาจอับอายเพื่อนบ้านอย่าง ลิเวอร์พูล อยู่สักหน่อย แต่ลองตกชั้นมันไปเสีย ไปรีเซ็ตชีวิต ตบแต่งอะไรๆ ให้เข้าที่เข้าทางกันใหม่ที่ลีกรอง ก็อาจจะดีอยู่เหมือนกัน!