[FEATURE] นับเฉพาะ พรีเมียร์ลีก! เชลซี ในวันที่แนวรับช่วยแบกกองหน้าด้วย

Chelsea v Leeds United - Premier League
Chelsea v Leeds United - Premier League / Mike Hewitt/Getty Images
facebooktwitterreddit

แม้จะมีการทุ่มเงินซื้อแข้งดังในแนวรุกเข้ามาเสริมทัพหลายคนเลย ไม่ว่าจะเป็น ไค ฮาเวิร์ตซ, ฮาคิม ซีเย็ค รวมถึง ติโม แวร์เนอร์ และยังคงมีผู้เล่นฝีเท้าดีในเรื่องของเกมบุกให้เลือกใช้งานได้หลายคนเลย แต่ดูเหมือนว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี จะยังไม่สามารถเค้นฟอร์มของนักเตะในแดนหน้าให้ช่วยกันผลิตสกอร์ได้แบบถล่มทลายเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ โดยเฉพาะพวกที่ได้สวมบทเป็น "หัวหอก" หากวัดจากผลงานการยิงประตูในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/2021

Chelsea v Crystal Palace - Premier League
Chelsea v Crystal Palace - Premier League / Sebastian Frej/MB Media/Getty Images

ตอนนี้ เชลซี ยิงประตูในศึก พรีเมียร์ลีก ได้ทั้งหมด 29 ประตูจากการลงสนามไปแล้วทั้งหมด 14 เกม นับจนถึงเกมล่าสุดที่เปิดบ้านไล่ต้อน เวสต์แฮม 3-0 เมื่อคืนวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา และเป็นทีมที่สอยตาข่ายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงที่ซัลโวไปได้แล้ว 36 ลูกอยู่ถึง 7 ประตูด้วยกัน แต่ถ้าลองส่องสถิติการสอยตาข่ายของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ให้ลึกลงไปอีกหน่อยจะพบกับเป็นผลงานของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังเกือบ 1 ใน 3 เลยทีเดียว

Chelsea FC v FC Sevilla: Group E - UEFA Champions League
Chelsea FC v FC Sevilla: Group E - UEFA Champions League / Mike Hewitt/Getty Images

สำหรับสถิติการยิงประตูของ เชลซี ในศึก พรีเมียร์ลีก มาจากฝีเท้าของผู้เล่นในตำแหน่ง กองหลัง ถึง 9 ลูก และแบ่งออกเป็นผลงานของ เคิร์ท ซูม่า 4 ประตู, ติอาโก้ ซิลวา 2 ประตู, เบน ชิลเวลล์ 2 ประตู รวมถึง รีซ เจมส์ 1 ประตู โดยทั้ง 4 คนดังกล่าวคือแผงหลังตัวจริงที่ดีที่สุดของทีมในตอนนี้ด้วย หลังจากที่ได้ลงเล่นด้วยกันแบบต่อเนื่องเลย นอกจากจะช่วยเติมเกมรุกขึ้นไปสอยตาข่ายได้ด้วยแล้ว ในเรื่องของแนวรับก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เพราะโดนทีมคู่แข่งสอยตาข่ายไปเพียง 14 ประตู หรือเสียน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 เท่ากับ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส เป็นรองเพียง "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า ในอันดับ 2 เสียไปเพียง 13 ประตู ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ รั้งอันดับ 1 เสียน้อยที่สุดแค่ 12 ประตู

FBL-ENG-PR-BURNLEY-CHELSEA
FBL-ENG-PR-BURNLEY-CHELSEA / MOLLY DARLINGTON/Getty Images

ส่วนผลงานในแนวรุกของ "สิงโตน้ำเงินคราม" โดยเฉพาะการผลิตสกอร์ของ 3 นักเตะที่ถูกเลือกให้สวมบทเป็น "กองหน้าตัวเป้า" ซึ่งได้ผลัดกันลงสนามแล้วช่วยกันซัลโวไปได้ทั้งหมด 11 ประตูมีดังนี้เลย ไล่ตั้งแต่ ติโม แวร์เนอร์ ยิงได้เพียง 4 ประตูจากการลงเล่นเป็นตัวจริงมากถึง 11 เกม และสอยตาข่ายไม่ได้มาแล้วถึง 6 เกมติดต่อกัน ขณะที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เพิ่งยิงไปเพียง 2 ลูกจากการลงเล่น 6 เกม แต่เป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนามถึง 5 เกม และได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น ส่วน แทมมี่ อับราฮัม ซัลโวไปแล้ว 5 ลูกจากการลงเล่น 10 นัด แม้จะได้เป็นตัวจริงเพียง 6 เกมก็ตาม แต่สามารถรั้งตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของสโมสรจากการลงเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก ไปก่อน

จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ แลมพาร์ด ต้องเร่งมือแก้ไขเป็นการด่วน หากอยากได้ เชลซี มีลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในระยะยาวเหมือนอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ ซึ่งจะต้องเริ่มจากการเค้นฟอร์มของพวกกองหน้าให้มีความเฉียบคมแล้วช่วยกันยิงประตูให้ได้มากกว่านี้ เพราะไม่ใช่หน้าที่หลักของกองหลังนั่นเอง


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด