ลมเปลี่ยนทิศที่ถ้ำสิงห์ : เมื่อกุนซือใหม่ เชลซี ไม่ใช่ชื่อที่คาดหมาย แต่อาจกลายเป็น 3 ม้ามึดนอกสายตา - FEATURE
แม้ผลงานในสนามจะเป็นไปอย่างน่าละเหี่ยใจ แต่ทุกย่างก้าวของ เชลซี ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องน่าจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาจะจิ้มคว้าใครเข้ามาเป็นกุนซือใหม่
แต่ก็ดูเหมือนว่า "ลมจะเปลี่ยนทิศ" ไปแล้ว จากชื่อที่คาดหมายอย่าง ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ มาถึงตรงนี้ โค้ชเยอรมันตัดสินใจใส่เกียร์ถอยออกจากวงโคจรไปแล้ว และทำให้มองลำบากขึ้นมาทันทีว่าใครกันที่จะเข้ามา
ปรากฏว่า 3 ชื่อล่าสุดที่ถูกเชื่อมโยงกับทัพสิงห์ ทั้งน่าเซอร์ไพรส์และน่าเอ่ยถึง และคงต้อง "สนุก" มากแน่ๆ ถ้าสุดท้าย หวยมาออกที่ใครสักคนจาก 3 รายนามนี้...
แลมพาร์ด ไม่มีต่ออายุแน่นอน
เพราะใกล้เคียงกับคำว่า "พี่จ๋า...มาทำไม" กับการที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กลับเข้ามานั่งเก้าอี้ดูแลทีมแทน บรูโน่ ซัลตอร์ ในสัญญาระยะสั้นจนถึงจบฤดูกาล
ก็มาทำไมล่ะจ๊ะพี่...เมื่อ 4 นัดผ่านไป เชลซี ได้ผลอยู่หน้าเดียว
1) แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1
2) แพ้ เรอัล มาดริด 0-2
3) แพ้ ไบรท์ตัน 1-2
และ 4) แพ้ เรอัล มาดริด ซ้ำสอง 0-2
เปิดตัวซะสวยขนาดนี้ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ของซีซั่น 2022/23 สำหรับ เชลซี ก็คือ "ไม่มีอะไรเหลือ" แล้วนั่นเอง เมื่อบอลถ้วยตกรอบเกลี้ยง ส่วน พรีเมียร์ลีก จะไปไม่ห่างจากกลางตารางสักเท่าไหร่ วี่แววดีสุดคืออันดับ 8 ส่วนแย่สุดก็คง 12-13 ไม่น่าเกินนี้
และแน่นอน ซีซั่นหน้าจะไม่ได้เห็น เชลซี ออกโชว์ตัวที่ไหนทั้งสิ้น บอลถ้วยยุโรปรายการเล็กรายการใหญ่ถ้วยไหน ไม่มีเอี่ยวทั้งสิ้น
เมื่อออกทรงนี้ ก็เป็นอันชัดเจนว่า แลมพาร์ด ไม่มีทางได้สัญญาทำทีมถาวรอย่างแน่นอน เมื่อหมดสัญญาจบซีซั่น ก็เป็นอันแยกกันไป
ส่วน เชลซี ก็จะไปต่อกับเฮดโค้ชคนใหม่ ที่ ณ ตอนนี้ ท่านว่า... คดีพลิก!
นาเกิลส์มันน์ ตัดตอนตัวเองเรียบร้อย
ทั้งสื่อเยอรมันและหลายๆ เจ้าของหลายๆ ประเทศ กะเก็งกันไว้ก่อนนี้ว่า ไม่แคล้ว เชลซี คงได้ลงเอยกับโค้ชหนุ่มไฟแรงอย่าง ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ที่แยกจาก บาเยิร์น มิวนิค มาอย่างที่ทราบ
ด้วยเพราะปัจจัยเด่นๆ อย่างเรื่อง อายุน้อย (35) พร้อมนั่งเก้าอี้ระยะยาว และผลงานช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ขี้เหร่ ทั้งกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์, แอร์เบ ไลป์ซิก รวมถึงพา บาเยิร์น มิวนิค ป้องกันแชมป์บุนเดสลีกา ซีซั่นที่แล้ว
ยังมีรายงานไม่นานนี้ด้วยว่า นาเกิลส์มันน์ มีการเจรจากับ เชลซี ที่เป็นไปไปในทิศทางบวก สร้างความประทับใจให้กับฝ่ายสรรหากุนซือใหม่สิงห์อย่าง พอล วินสแตนลี่ย์ และ ลอว์เรนซ์ สจ๊วร์ต
อย่างไรก็ตาม นาทีนี้ทุกอย่างพลิกผันไปแล้ว ด้วยว่ากันว่า เป็นทาง นาเกิลส์มันน์ เองที่ขอถอนตัวออกจากโอกาสคุม เชลซี เอง
ไม่ได้มีการเผยเหตุผลที่ชัดเจนของการตัดสินใจถอยออกมา (บางแหล่งระบุว่า "อย่างเด็ดขาด" แล้ว) โดยมีบางเจ้าบอกว่า การเจรจาไม่อาจหาข้อสรุปร่วมกันได้หลังคุยกันมาหลายครั้งหลายหน ซึ่งเมื่อ สกาย ด๊อยทช์ลันด์ ถามถึงประเด็นนี้ นาเกิลส์มันน์ ก็ตอบเป็นปริศนาธรรมไว้เพียงว่า "กับการถอนตัวจากบางอย่าง คุณก็ต้องยึดมั่นกับบางอย่างไว้อยู่เช่นกัน"
ส่วนในบทวิเคราะห์ของบางแหล่ง บอกว่าที่ นาเกิลส์มันน์ เลือกไม่รับงานกับ เชลซี เป็นเพราะเขาอยากพักเบรคตัวเองจากงานใหญ่สักระยะ
หรือไม่... ก็เสียวจะโดน "ล้วงลูก" จากท่านเจ้าของผู้เจ้ากี้เจ้าการอย่าง เสี่ยท็อดด์ ก็เป็นได้...
ม้านอกสายตา 1 : เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
เมื่อ นาเกิลส์มันน์ ไม่เอา หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็หลุดโผ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ไม่สนใจจะกลับรังเก่า
ทิศทางลมการตั้งกุนซือใหม่ของ เชลซี จึงพัดผ่านมายังตัวเลือกที่เป็นเสมือน "ม้านอกสายตา" 3 ราย
แรกสุด ก็อาจไม่ได้ถือว่าเป็นม้านอกเรซมากนัก เมื่อเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงมาพักใหญ่ เพียงแต่ก็มีการมองว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้ซึ่งเคยเป็น "ฮีโร่ของสเปอร์ส" นี่หรือที่ เชลซี จะเลือกคว้ามาทำทีม
เพียงแต่ก็ไม่นานนี้เองที่ สเปอร์ส นำตัว อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตฮีโร่ของเชลซี เข้านั่งเก้าอี้ (ก่อนสั่งเด้งไปในที่สุด) และอะไรที่เป็นอดีตไปแล้ว ก็ควรปล่อยให้ผ่านไปเสีย
จากการคลุกคลีกับฟุตบอลอังกฤษอย่างยาวนานทั้งที่ เซาแธมป์ตัน (2013-2014) และ สเปอร์ส (2014-2019) ทำให้โค้ชอาร์เจนไตน์ทราบดีถึงสิ่งที่ พรีเมียร์ลีก เป็น รวมทั้งเขาก็ผ่านงานใหญ่ความกดดันเยอะกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และประสบความสำเร็จมีแชมป์ติดมือมาแล้ว (แม้จะแยกทางเร็วหน่อยก็เถอะ) ทำให้ก็ดูว่า โปเช็ตติโน่ เหมาะสมกับงานที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ อยู่ไม่น้อย
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ก็เป็น โปเช็ตติโน่ นี่เองที่ยืนแท่นตัวเก็งเต็ง 1 ของงานคุม เชลซี ในสายตาของร้านพูลเมืองผู้ดี ภายใต้เรตกดต่ำเพียง 1/3 หรือ 1/4 เท่านั้น
ม้านอกสายตา 2 : แว็งซ็องต์ ก็องปานี
โผล่ขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์ ด้วยคาดไม่ถึงตั้งแต่ที่สร้างผลงานไว้กับ เบิร์นลี่ย์ มาแล้ว
อย่างที่ได้เคยร่ายถึงในเรื่อง ยินดีต้อนรับ เบิร์นลี่ย์ สู่พรีเมียร์ลีก มาแล้วถึง CV เบื้องต้นของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ผู้ซึ่งเคยครองแชมป์พรีเมียร์ลีกในฐานะแนวรับ แมนฯ ซิตี้ มาถึง 4 สมัย
ว่าภายหลังปิดตำนาน 2008-2019 กับ แมนฯ ซิตี้ (360 นัด 12 โทรฟี่) แล้ว ก็องปานี ก็ย้ายกลับไปเล่นกับอู่ข้าวอู่น้ำเก่า ทีมแรกที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมาอย่าง อันเดอร์เลชท์ ภายใต้สัญญาควบ เพลเยอร์/เมเนเจอร์
แต่การกลับไปก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ด้วยปัญหาบาดเจ็บเรื้อรังติดตัว ทำให้ ก็องปานี (ที่ช่วงแรกล้มแผนคุมทีม เหลือลงเตะอย่างเดียว) ลงสนามไปเพียงหยิบมือ สิบกว่านัด ในที่สุดต้องตัดสินใจแขวนสตั๊ดเด็ดขาด หันมานั่งเก้าอี้คุมทีมเต็มตัว
อันที่จริง ผลงานในฐานะกุนซือมือใหม่ของอดีตเซนเตอร์แบ็กคนดังก็ไม่ได้ออกมาดี ไม่ได้ระเบิดเถิดเทิงมีแชมป์ติดมือปีต่อปี จนถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์วงการมาก ว่าจู่ๆ เบิร์นลี่ย์ ที่เพิ่งร่วงตกชั้นลงไป ก็ไปคว้าตัว ก็องปานี มาทำทีมเฉยเลยในซัมเมอร์ที่แล้ว
กระนั้นภายใต้การดูแลของโค้ชมือใหม่ไร้ประสบการณ์ระดับสูง--มีแค่เคยซึมซับวิชาโค้ชจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาบ้าง เบิร์นลี่ย์ สร้างผลงานขั้นสุดยอดในหลายๆ แง่ โดยเฉพาะการแพ้ยากมาก จนกระทั่งการันตีจบ 2 อันดับแรก ชปช. เลื่อนชั้นกลับคืน พรีเมียร์ลีก แบบที่ยังเหลือคิวเตะอีกถึง 7 นัดด้วยกัน
ผลงานแบบนี้ ทำให้ ก็องปานี เป็นอีกคนที่ถูกโยงกับ เชลซี อย่างเซอร์ไพรส์
...ว่าทั้งที่เพิ่งเริ่มงานทำทีมได้แค่ 2-3 ปี ก็จะมาขี่หลังสิงห์ซะแล้ว?!?
ม้านอกสายตา 3 : อันเก้ ปอสเตโคกลู
ถ้า ก็องปานี ว่าเซอร์ไพรส์แล้ว ชอยส์นี้ก็คงต้องคูณสองคูณสามกันไปเลย กับราย "อันเก้ ปอสเตโคกลู" เจ้านายเก่าของเสี่ยอุ้ม ธีราทร บุญมาทัน ที่ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส นี่เอง
ที่จริงก็ไม่ใช่มือใหม่ของวงการ เพียงแต่แฟนบอลที่ไม่ได้ดูแบบลงลึกนัก ก็คงไม่ค่อยรู้ว่า ปอสเตโคกลู เป็นใครมาจากไหน
พอสังเขปที่ตรงนี้ -- ปอสเตโคกลู เกิดที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ตอนกลางยุค 60 ก่อนอพยพย้ายไปตั้งรกรากที่ ออสเตรเลีย ร่วมกับครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก จากนั้นก็เติบโตขึ้นในฐานะนักฟุตบอลแดนจิงโจ้ อันรวมถึงก้าวไปติดทีมชาติออสเตรเลียชุดใหญ่ มาด้วยที่จำนวน 4 นัดตอนปลายยุค 80
ส่วนเมื่อผันตัวเองขึ้นจับงานโค้ชแล้ว ปอสเตโคกลู เริ่มสร้างชื่อได้กับ บริสเบน รอร์ และ เมลเบิร์น วิกตอรี่ ก่อนจะอยู่ในการจับตาแบบเต็มที่จากงานคุมทีมชาติออสเตรเลีย ระหว่างปี 2013-2017 โดยพาทัพจิงโจ้ลุย ฟุตบอลโลก 2014 มาด้วย (แม้ตกรอบแรกไม่เป็นท่าก็ตาม) ก่อนจะผงาดบัลลังก์คว้าแชมป์ เอเชียน คัพ 2015 เป็นครั้งแรกหลังย้ายมาเตะร่วมโซนเอเชีย
เมื่อหมดเวลากับ ออสเตรเลีย แล้ว ปอสเตโคกลู ก็ไปจับงานในเจลีกกับทาง โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส ที่ซึ่งเขาพาทีมครองแชมป์ลีกแดนอาทิตย์อุทัย ซีซั่น 2019 ร่วมกับแบ็กซ้ายไทยอย่าง ธีราทร นั่นเอง
ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้ชื่อของโค้ชวัย 57 ถูกสื่ออย่าง เดอะ การ์เดี้ยน เชื่อมโยงเข้ากับงานที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็เพราะผลงานที่สร้างไว้กับ กลาสโกว์ เซลติก แบบที่เข้ามาปุ๊บก็นำทีมครองแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ชิพ 2021/22 ได้ทันที รวมถึงซีซั่นนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะเบิ้ลแชมป์ลีกสมัย 2 ต่อเนื่อง
...ถึงตรงนี้ ยังคงไม่ชัดเจนนักว่า เชลซี จะลงเอยกับใคร ซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง 3 ม้านอกสายตาที่ว่ามา หรือคนนอกกว่านี้อีก
แต่ไม่ว่าจะใคร ก้าวเดินของ เชลซี 2023/24 ก็ล้วนแต่น่าจับตาอย่างยิ่ง และในหลายๆ แง่ด้วย โดยเฉพาะว่าเมื่อมีกุนซือคนใหม่เข้ามาแล้ว...จะอยู่นั่งเก้าอี้ได้สักกี่นาน?!?