เบนิเตซ กับการพิสูจน์ฝีมือเพื่อลบข้อครหาวาทะ "ทีมเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม ลิเวอร์พูล" - FEATURE
แม้จะเคยคุมทีมคู่ปรับร่วมเมืองเดียวกันมาก่อน ซึ่งอยู่ห่างกันเพียงแค่มีสวนสาธารณะสแตนลี่ย์ ปาร์ค คั่นกลางเอาไว้เท่านั้น แต่ เอฟเวอร์ตัน ได้ตัดสินใจเลือก "เอล ราฟา" ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ให้ทำหน้าที่เป็นกุนซือคนใหม่เรียบร้อยแล้ว เพื่อทดแทนการจากไปของ คาร์โล อันเชลอตติ โค้ชชาวอิตาเลียนที่ขอย้ายกลับไปคุมทัพ เรอัล มาดริด เป็นรอบที่ 2 นั่นเอง
ทำให้ เบนิเตซ ได้จารึกชื่อเป็นกุนซือคนที่ 2 ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ได้คุมทีมคู่ปรับแห่งถิ่นเมอร์ซีย์ไซด์ทั้ง 2 สโมสร โดยได้เดินตามรอยเท้าของ วิลเลียม เอ็ดเวิร์ด บาร์เคลย์ โค้ชชาวอังกฤษผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเคยคุมทีม เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 1888 ก่อนจะย้ายข้ามฝั่งไปคุมทีม ลิเวอร์พูล ในปี 1892 โดยเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเมื่อ 129 ปีโน้นเลย
จึงสร้างความไม่พอใจให้กับเหล่ากองเชียร์ เอฟเวอร์ตัน อยู่พอสมควร เพราะหลายๆ คนยังคง "แค้นฝังหุ่น" จากการไปขุดคำให้สัมภาษณ์ของโค้ชชาวสเปนที่เคยปรามาสทีมโปรดของพวกเขาว่าเป็นเพียงแค่ "สโมสรเล็กๆ" เมื่อตอนสมัยที่ เบนิเตซ สวมบทเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในช่วงระหว่างปี 2004-2010
ทว่า ฟาร์ฮัด โมชิรี ประธานสโมสร เอฟเวอร์ตัน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดได้ทุบโต๊ะเลือก เบนิเตซ แบบที่ไม่สนใจเสียงคัดค้านของแฟนบอล และยืนยันด้วยว่าโค้ชชาวสเปนเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด หากเทียบกับบรรดากุนซือชื่อดังที่ได้หมายปองเอาไว้ และเคยผ่านงานคุมทีมลูกหนังมาแบบโชกโชนเลยด้วย แม้จะเคยคุมทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง ลิเวอร์พูล มาก่อน แต่ก็เรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จึงควรจะมองไปที่เรื่องของอนาคตดีกว่า หรืออย่างน้อย "เอล ราฟา" อาจจะกลายเป็น "หอกข้างแคร่" ที่พร้อมทิ่มแทงคู่อริร่วมเมืองในฐานะทีมเก่าได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ โมชิรี เป็นแฟนบอลตัวยงของ เอฟเวอร์ตัน อยู่แล้ว และได้อนุมัติเงินซื้อนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพในช่วงหลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาดูแลสโมสรในปี 2016 ไปแล้วหลายร้อยล้านปอนด์เลยด้วย เพื่อหวังยกระดับของสโมสรให้ขึ้นไปอยู่ในระดับหัวแถวของวงการฟุตบอลอังกฤษ จึงมีการลงทุนจ้างกุนซือชื่อดังฝีมือดีให้เข้ามาช่วยคุมทีมด้วย ไล่ตั้งแต่ โรนัลด์ คูมัน, มาร์โก ซิลวา รวมถึง คาร์โล อันเชลอตติ แต่ยังไม่มีใครที่สามารถพาทีมไปถึงตรงจุดนั้นได้เหมือนอย่างที่หวังเอาไว้เสียที
ด้วยเหตุนี้ เอฟเวอร์ตัน จึงหวังพึ่งพาฝีมือของ เบนิเตซ ซึ่งมีประสบการณ์คุมทีมชื่อดังของยุโรปมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น บาเลนเซีย, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด รวมถึง นาโปลี และรู้จักฟุตบอลเป็นอย่างดีเสียด้วย เพราะเคยผ่านงานคุมทัพลูกหนังในเมืองผู้ดีมาแล้วถึง 3 สโมสร ไล่ตั้งแต่ ลิเวอร์พูล, เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ก่อนจะลองย้ายไปเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการรับงานคุมทัพ ต้าเหลียน โปรเฟสชั่นแนล ในเมืองจีนด้วย
นอกจากนี้ เบนิเตซ ยังเป็นกุนซือที่ได้สะสมความสำเร็จจากการคว้าถ้วยแชมป์มาแล้วหลายรายการเลยด้วย โดยเฉพาะแชมป์สโมสรยุโรปทั้ง 2 รายการ เพราะเคยนำทัพ ลิเวอร์พูล ยึดบัลลังก์ "เจ้ายุโรป" จากการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2005 และเคยชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก มาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อตอนสมัยที่คุมทัพ บาเลนเซีย กับ เชลซี มาก่อนนั่นเอง
หลังจากนี้คงต้องให้ เบนิเตซ ได้พิสูจน์ฝีมือต่อหน้ากองเชียร์ของ เอฟเวอร์ตัน เอาเอง และจะต้องพาทีมไปในทิศทางที่ดีขึ้นให้ได้ เพื่อลบข้อครหาที่เคยปรามาสทีมโปรดของพวกเขาว่าเป็นเพียงแค่ "สโมสรเล็กๆ" เท่านั้น
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด