เบอร์หนึ่งของโลก เบลเยียม ยุคทอง ผู้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน - FEATURE
เพราะมีดีรีเป็นถึง "เบอร์หนึ่ง" จากการจัดอันดับทีมลูกหนังชายระดับชาติทั่วโลกของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า มาหลายปีแล้ว และอุดมไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีทั้งนั้นเลย ทำให้ เบลเยี่ยม เจ้าของสมญานามว่า "ปีศาจแดงยุโรป" ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งของศึก ยูโร 2020 ในช่วงก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า เบลเยี่ยม หมายมั่นปั้นมือหวังคว้าแชมป์ระดับชาติเป็นครั้งแรกให้ได้เสียที หลังจากที่เคยทำผลงานได้ดีที่สุดเพียงแค่รองแชมป์ยูโร 1980 โดยนัดชิงแพ้ให้กับ เยอรมันตะวันตก ในสมัยนั้นไปแบบหวุดหวิดด้วยสกอร์ 1-2 และในยุคปัจจุบันถือว่ามีโอกาสไปถึงฝั่งฝันได้เหมือนกัน เพราะว่าทัพลูกหนัง "ปีศาจแดงยุโรป" ยังคงอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ตามที่เรียกกันว่า "ยุคทอง" จากการที่มีผู้เล่นระดับพระกาฬอยู่ในทีมเต็มไปหมดเลย
แต่สุดท้าย เบลเยี่ยม กลับไปไม่ถึงฝั่งอีกครั้ง เพราะพลาดท่าแพ้ อิตาลี จอดป้ายเพียงแค่รอบ 8 ทีมในศึกยูโร 2020 เท่านั้นเอง และบางทีอาจจะถึงจุดสิ้นสุดของ "ยุคทอง" ก็เป็นได้ เพราะนักเตะในทีมชุดปัจจุบันเริ่มมีอายุสูงวัยมากขึ้นเรื่อยๆ และบางคนอาจจะมีช่วงเวลาที่ก้าวข้ามจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้งไปแล้วด้วย โดยเฉพาะ 3 กองหลังจอมเก๋าที่มีอายุรวมกันแตะหลัก 100 ปีเสียด้วยซ้ำ ไล่ตั้งแต่ แยน แฟร์ทองเก้น ในวัย 34 ปี, โทบี้ อัลเดอร์ไวรัลด์ ในวัย 32 ปี รวมถึง โธมัส แฟร์มาเลน ในวัย 35 ปีแล้วนั่นเอง
ก่อนหน้านี้ เบลเยี่ยม เคยเผชิญหน้ากับช่วงตกต่ำเป็นเวลานานกว่า 10 ปีเลยทีเดียว นับตั้งแต่ตอนที่ได้ไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลโลก 2002 หลังจากนั้น "ปีศาจแดงยุโรป" ต้องเผชิญหน้ากับช่วงสูญญากาศ เพราะหมดยุคของพวกแข้งเก๋าที่เคยใช้งานมานานมากแล้ว จึงไม่เหลือนักเตะฝีเท้าดีให้เลือกใช้งานเลย และต้องใช้เวลาสร้างทีมกันยกใหญ่ด้วยการปลุกปั้นบรรดาแข้งดาวรุ่งที่เห็นว่ามีแวว ไม่ว่าจะเป็น ติโบต์ กูร์ตัวส์, เอเดน อาซาร์ รวมถึง เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งได้แจ้งเกิดเป็นแข้งดังระดับโลกในยุคปัจจุบันกันถ้วนหน้าเลย
นอกจากนี้ เบลเยี่ยม ยังมีการดึงนักเตะพวกลูกครึ่ง รวมถึงพวกลูกผสมจากชาติต่างๆ เข้ามาอยู่ในสาระบบทีมชาติด้วย โดยเฉพาะ โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์ที่เกิดในประเทศเบลเยี่ยม แต่สืบเชื้อสายมาจากประเทศคองโกในทวีปแอฟริกา และค่อยๆ ผลิดอกออกผลจนกลายเป็น "ยุคทอง" ที่สามารถกลับไปโชว์ฝีเท้าในศึกลูกหนังรายการใหญ่ได้อีกครั้ง โดยเริ่มต้นจาก ศึกฟุตบอลโลก 2014 และกลับมาเป็นขาประจำที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในรายการใหญ่ๆ ได้สำเร็จจนถึงปัจจุบันเลย
นับตั้งแต่ เบลเยี่ยม ตัดสินใจดึง โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปนให้เข้ามารับงานคุมทีมในปี 2016 หลังจากนั้น "ปีศาจแดงยุโรป" มีผลงานที่ดีขึ้นแบบต่อเนื่องเลย โดยเคยคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดจากการลงเล่นรอบสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลกเลยด้วย แต่ก็ยังไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ในรายการใหญ่ๆ เหมือนอย่างที่หวัง แม้จะโชว์ฟอร์มในรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูโร 2020 ได้อย่างร้อนแรงจากการคว้าชัย 3 เกมรวด และสามารถเขี่ย โปรตุเกส แชมป์เก่าตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ด้วย ทว่า "ปีศาจแดงยุโรป" กลับต้องหยุดเส้นทางเอาไว้เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยฝีเท้าของ อิตาลี นั่นเอง
ตอนนี้สถานะความเป็น "เบอร์หนึ่ง" จากการจัดอันดับโลกของ ฟีฟ่า อาจจะไม่ได้ช่วยให้ เบลเยี่ยม ไปถึงฝั่งฝันได้เหมือนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ จึงอาจจะต้องมีการถ่ายเลือดใหม่ของนักเตะในบางตำแหน่งเพื่อให้ "ยุคทอง" เดินหน้าต่อไปได้ และจะได้กลับมาสานฝันลุ้นคว้าแชมป์รายการใหญ่ในเกมระดับชาติเป็นครั้งแรกให้ได้เสียที
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด