[FEATURE] อยู่ไหนกันหมด ! ย้อนดู โมนาโก ชุดผงาดง้ำค้ำโลกพิชิต PSG คว้าแชมป์ลีกสำเร็จเมื่อฤดูกาล 2016/17

AS Monaco v Borussia Dortmund - UEFA Champions League Quarter Final: Second Leg
AS Monaco v Borussia Dortmund - UEFA Champions League Quarter Final: Second Leg / Xavier Laine/Getty Images
facebooktwitterreddit

นับตั้งแต่ที่กลุ่มนายทุน กาตาร์ มาเทคโอเวอร์สโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อปี 2012 พวกเขาได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาแบบก้าวกระโดดจนกลายเป็นเบอร์ 1 ของประเทศไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ตลอด 8 ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ 7 สมัย โดยแชมเปี้ยนเพียง 1 เดียวที่ไม่ใช่ทีมจากเมืองหลวงก็คือ โมนาโก ในฤดูกาล 2016/17 ที่มี เลโอนาโด จาร์ดิม เป็นผู้จัดการทีม ช่วงเวลาที่ เอ็มบัปเป้ และ ราดาเมล ฟัลเกา จับคู่กันผลิตสกอร์อย่างถล่มทลายเป็นเสมือนแสงสว่างเล็กๆที่บอกให้เรารู้ว่าโอกาสในการดึงยักษ์ใหญ่เงินหนาอย่าง PSG ลงมาจากบัลลังก์นั้นมีอยู่จริง

ทว่าไม่นานนักหลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จ เหล่าซูเปอร์สตาร์ก็จำใจต้องย้ายออกไป บ้างก็เพื่อความมั่นคงทางการเงินของสโมสร บ้างก็เพื่อความท้าทายและประสบการณ์ ก่อนที่ถ้วยแชมป์ลีกจะกลับมาถูกผูกขาดไว้อีกครั้งโดยเจ้าเก่า เรามาย้อนดูกันว่าผู้เล่นที่เป็นตัวหลักในทีมชุดดังกล่าวนั้นมีใครบ้างและในตอนนี้พวกเขาไปอยู่ในกันแล้ว

1. นายประตู : แดเนียล ซูบาซิช

AS Monaco v Paris Saint Germain - French League 1
AS Monaco v Paris Saint Germain - French League 1 / Soccrates Images/Getty Images

นายประตูชาว โครเอเชีย พลาดการเฝ้าเสาไปให้กับต้นสังกัดเพียง 2 เกมเท่านั้นในฤดูกาลดังกล่าว พร้อมเก็บคลีนชีทไปถึง 17 เ้กม และเสียประตูเพียง 28 ลูก เขาอยู่กับสโมสรต่อไปอีก 3 ซีซั่นและตัดสินใจแยกทางกันหลังสัญญาหมดลงเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันเขากำลังเป็นนักเตะไร้สังกัดที่กำลังแฮปปี้กับการได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น

2. แบ็คขวา : ฌิบริล ซิดิเบ้

Sporting CP v AS Monaco - Pre-Season Friendly
Sporting CP v AS Monaco - Pre-Season Friendly / Carlos Rodrigues/Getty Images

แบ็คจอมบุกรายนี้เพิ่งย้ายมาร่วมทีม โมนาโก ในฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์ได้นี่เองหลังโชว์ฟอร์มเยี่ยมกับ ลีลส์ อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นเขาก็ฟอร์มเริ่มตกจนถูกส่งไปให้ เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวในปี 2019 แต่ก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มกลับมาได้ จนกระทั่งในซีซั่นนี้ภายใต้การคุมทีมของ นิโก้ โควิช ซิดิเบ้ ก็ได้กลับมาเป็นตัวหลักของทีมอีกครั้ง

3. เซ็นเตอร์แบ็ค : เจเมอร์สัน

FBL-EUR-C1-LEIPZIG-MONACO
FBL-EUR-C1-LEIPZIG-MONACO / AFP Contributor/Getty Images

แข้งชาว บราซิล ย้ายมา โมนาโก หนึ่งฤดูกาลก่อนหน้าที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จและสามารถยึดตำแหน่งตัวหลักของทีมได้อย่างเหนียวแน่น เขาอยู่ต่อกับทีมไปอีก 3 ปี เจเมอร์สัน ก็เลือกที่จะย้ายกลับบ้านเกิดไปเล่นให้กับ โครินเธียนส์

4. เซ็นเตอร์แบ็ค : คามิล กลิค

FC Porto v AS Monaco - UEFA Champions League
FC Porto v AS Monaco - UEFA Champions League / Quality Sport Images/Getty Images

คีย์แมนในแนวรับของทีมที่เป็นเสมือนแกนกลางในการพาทีมคว้าแชมป์ คล้ายกับคู่หูของเขา กลิค อยู่ต่อไปอีก 3 ซีซั่นและย้ายไปเล่นที่ เซเรีย อา อีกครั้งกับ เบเนเวโต้ โดยที่ยังไม่เคยพลาดการลงสนามไปเลยแม้แต่นาทีเดียว

5. แบ็คซ้าย : แบงฌาแมง เมนดี้

AS Monaco v AS Saint-Etienne - Ligue 1
AS Monaco v AS Saint-Etienne - Ligue 1 / Jean Catuffe/Getty Images

แค่ฤดูกาลเดียวหลังย้ายมาจาก มาร์กเซย กับฟอร์มการเติมเกมรุกอันดุดันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าหอบเงินก้อนโตมาคว้าตัวเขาไปร่วมทีม แม้ผลงานของต้นสังกัดใหม่จะถือว่าสวยหรู แต่ เมนดี้ ก็มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บเท่านั้น

6. ปีกขวา : แบร์นาโด้ ซิลวา

AS Monaco FC v Tottenham Hotspur FC - UEFA Champions League
AS Monaco FC v Tottenham Hotspur FC - UEFA Champions League / Jean Catuffe/Getty Images

ตาม เมนดี้ มาติดๆหลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเขี่ย แมนฯ ซิตี้ ตกรอบ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ไปอย่างน่าทึ่ง เพลย์เมคเกอร์ชาว โปรตุเกส ทำไป 8 ประตู กับ 9 แอสซิสต์ ในฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์ได้ และอย่างที่ทราบกันดี ซิลวา ยังคงความสม่ำเสมอต่อมาจนถึงทุกวันนี้ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาดิโอลา

7. กองกลาง : ฟาบินโญ

Villarreal v Monaco: UEFA Champions League
Villarreal v Monaco: UEFA Champions League / Manuel Queimadelos Alonso/Getty Images

แม้จะไม่ได้ย้ายออกไปในทันที แต่กองกลางชาว บราซิล เลือกโยกไปยัง แอนฟิลด์ ในอีก 1 ปีให้หลังและสามารถกลายเป็นตัวหลักของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จนถึงทุกวันนี้แม้ในช่วงแรกๆจะต้องใช้เวลาปรับตัวนานไปนิด

8. กองกลาง : เจา มูตินโญ

Toulouse Vs Monaco -Ligue 1
Toulouse Vs Monaco -Ligue 1 / Romain Perrocheau/Getty Images

กองกลางมากประสบการณ์ที่คว้าแชมป์ลีกในประเทศบ้านเกิดได้ถึง 3 สมัยกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ ปอร์โต้ ถูกหลายทีมรุมขายขนมจีบก่อนจะเลือก โมนาโก เขายังต้องรออีก 2 ฤดูกาลก่อนที่จะได้แชมป์ลีกมาเติมเต็มถ้วยรางวัลที่บ้านอีกสมัย ปัจจุบันเขากำลังเล่นอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เพื่อมาเติมเต็ม โปรตุกีส คอนเนคชั่น ตั้งแต่เมื่อปี 2018

9. กองกลาง : ติเอมูเอ้ บากาโยโก้

Toulouse Vs Monaco -Ligue 1
Toulouse Vs Monaco -Ligue 1 / Romain Perrocheau/Getty Images

กองกลางชาว ฝรั่งเศส ถูกยกมาเทียบกับ ยายา ตูเร ในฤดูกาลที่เขาพาอดีตต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ เขาเป็นหนึ่งในตัวหลักของทีมที่ถูกขายออกไปท้ายฤดูกาลตามรอย เมนดี้ และ ซิลวา อย่างไรก็ดีฟอร์มการเล่นของเขากับ เชลซี ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมกันสักเท่าไหร่นักจนต้องถูกส่งออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติมกับ เอซี มิลาน และ โมนาโก จนกระทั่งได้ที่ลงแบบถาวรที่ นาโปลี ที่ซึ่งเจ้าตัวดูจะเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาจนได้

10. ปีกซ้าย : โธมัส เลอมาร์

AS Monaco v FC Porto - UEFA Champions League
AS Monaco v FC Porto - UEFA Champions League / Jean Catuffe/Getty Images

หนึ่งในแนวรุกตัวทีเด็ดของ โมนาโก ที่ใช้ความเร็วและการจ่ายบอลอันเฉียบคมฉีกทำลายกองหลังคู่แข่งเสียหลุดลุ่ยจนกลายเป็นเป้าหมายของเหล่าบิ๊กเนมในลีก อังกฤษ ทว่าด้วยค่าตัวที่สูงลิบลิ่วท้ายที่สุดก็กลายเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ทำกำไรอย่างมากมายจากการขายผู้เล่นที่กล้าจ่าย ผลงานของ เลอมาร์ ใน ลาลีก้า อาจจะไม่ได้สวยหรูนักแต่ก็ดูจะค่อยพัฒนาๆขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นมันคงอาจจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินเขาในตอนนี้

11. กองหน้า : คีเลียน เอ็มบัปเป้

FBL-FRA-L1-MONACO-METZ
FBL-FRA-L1-MONACO-METZ / YANN COATSALIOU/Getty Images

เอ็มบัปเป้ กลายเป็นดาวรุุ่งที่เนื้อหอมที่สุดใน ยุโรป หลังซัลโวไป 15 ประตูจากการลงสนาม 29 นัดในฤดูกาลที่ 2 ของเขากับ โมนาโก เขาแสดงความประสงค์ที่จะย้ายออกเพื่อยกระดับอาชีพของตัวเอง และท้ายที่สุดก็เป็น ปารีส แซงต์ แชร์งแมง คู่แข่งร่วมลีกที่กล้าเปย์เงินกว่า 100 ล้านเพื่อนำเขามาจับคู่กับ เนย์มาร์ จนกลายเป็นชุดแนวรุกที่อันตรายที่สุดชุดหนึ่งของ ยุโรป

12. กองหน้า : ราดาเมล ฟัลเกา

FC Porto v AS Monaco - UEFA Champions League
FC Porto v AS Monaco - UEFA Champions League / Quality Sport Images/Getty Images

กองหน้าชาว โคลัมเบีย ถูกยกให้เป็นหนึ่งในดาวยิงที่อันตรายที่สุดใน ยุโรป จากการทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำกับ ปอร์โต้ และ แอตเลติโก มาดริด ก่อนที่เขาจะย้ายมายัง โมนาโก และบาดเจ็บหัวเข่าอย่างหนักและพลาดฟุตบอลโลกปี 2014 ไปอย่างน่าเสียดาย การย้ายมาเล่นแบบยืมตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี อย่างละซีซั่นเรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ดีหลังถูกส่งกลับมาในฤดูกาล 2016/17 'เอล ติเกร' ดูจะฟิตเต็มถังยิ่งกว่าเก่าพร้อมควาญหาฟอร์มเดิมเจอถล่มตาข่ายคู่แข่งไป 21 เม็ด จาก 29 เกม ปัจจุบันเขาถูก กาลาตาซาราย ดึงตัวมา โดยทำไปแล้ว 16 ประตูจาก 31 เกม ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับคนอายุ 35 ปี


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด