7 เกมไม่ควรพลาดในรอบแรก ยูโร 2020 - FEATURE
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ ครั้งที่ 16 หรือ ยูโร 2020 ได้ฤกษ์ลงสนามฟาดแข้งในช่วงระหว่างวันที่ 11 มิ.ย. ถึง 11 ก.ค.นี้อย่างแน่นอน โดยจะเริ่มแข่งรอบแรกกันตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. จนถึง 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นรอบแบ่งกลุ่มที่จะตระเวนเตะกันตามเมืองต่างๆ ที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในแต่ละสายทั้งหมด 6 กลุ่มนั่นเอง ลองไปดูกันว่าในรอบแรกมีเกมคู่ไหนที่น่าติดตามชมแบบไม่ควรพลาดกันบ้าง โดยคัดมาฝากกันทั้งหมด 7 คู่ดังต่อไปนี้เลย
เดนมาร์ก-ฟินแลนด์
เริ่มต้นกันด้วยเกมประเดิมสนามกลุ่ม บี ในคืนวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง 2 ชาติลูกหนังจากดินแดนสแกนดิเนเวียทางตอนเหนือของทวีปยุโรป นั่นก็คือ เดนมาร์ก พบกับ ฟินแลนด์ ทีมน้องใหม่ที่ได้ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายของเกมฟาดแข้งรายการใหญ่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยจะแข่งกันที่ปาร์เค่น สเตเดี้ยม ในกรุงโคเปนฮาเกน เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก แม้ว่า ฟินแลนด์ จะมีชื่อชั้นเป็นรองอย่งชัดเจน และมีสถิติการพบกันในทุกรายการที่เป็นรองอยู่เยอะเลย เพราะเคยคว้าชัยได้เพียงครั้งเดียวจากการเจอกันทั้งหมด 20 เกม แต่ด้วยเรื่องของ "ศักดิ์ศรี" ของ 2 ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกันที่ค้ำคออยู่ ทำให้ เดนมาร์ก จะมองข้าม ฟินแลนด์ ไปไม่ได้เลยเหมือนกัน
ฝรั่งเศส-เยอรมนี
ไปต่อกันด้วยนัดที่ 2 เป็นเกมที่ 2 ของกลุ่ม เอฟ ในคืนวันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง 2 ชาติยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรป นั่นก็คือ ฝรั่งเศส พบกับ เยอรมนี โดยจะแข่งกันที่ฟุตบอล อารีน่า มิวนิค หรือที่รู้จักกันตามชื่อของสปอนเซอร์ว่า อัลลิอันซ์ อารีน่า ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี และเป็นการเผชิญหน้ากันของ 2 ทีมแชมป์ฟุตบอลโลกจาก 2 ครั้งหลังสุดอีกด้วย แต่ ฝรั่งเศส เคยฝากรอยแค้นให้กับ เยอรมนี ในศึกยูโร 2016 จากตอนที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพเมื่อ 5 ปีก่อน เพราะฝ่ายคว้าชัยในรอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์ 2-0 จึงต้องรอติดตามกันว่าผลของเกมคู่นี้จะออกมาเป็นแบบ "ล้างแค้น" หรือ "ย้ำแค้น" กันแน่
อังกฤษ-สกอตแลนด์
ส่วนนัดที่ 3 เป็นเกมที่ 2 ของกลุ่ม ดี ในคืนวันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันของ 2 ทีมลูกหนังร่วมสายเลือดจากดินแดนสหราชอาณาจักร นั่นก็คือ อังกฤษ พบกับ สกอตแลนด์ โดยจะแข่งกันที่เวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แน่นอนว่าชั้นชื่อของ อังกฤษ เหนือกว่า สกอตแลนด์ อย่างเห็นได้ชัด และเคยอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันในรอบแรกเมื่อ 25 ปีก่อน โดยตอนนั้น อังกฤษ เป็นฝ่ายชนะ 2-0 ในศึกยูโร 1996 เมื่อครั้งที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพนั่นเอง และหลังจากนั้น สกอตแลนด์ ไม่เคยผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นรอบสุดท้ายในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอีกเลย จึงเป็นการหวนคัมแบ็กกลับมาโชว์ฝีเท้าในรายการใหญ่ที่สุดของทวีปอีกครั้ง โดยพร้อมแบก "ศักดิ์ศรี" เพื่อวัดกันไปเลยว่าจะเป็นได้เพียงลูกไล่ของทีมบ้านพี่เมืองน้องเท่านั้นหรือไม่
โปรตุเกส-เยอรมนี
ตามมาด้วยนัดที่ 4 เป็นเกมที่ 2 ของกลุ่ม เอฟ ในคืนวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันของ 2 ชาติยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปอีกหนึ่งคู่ นั่นก็คือ โปรตุเกส พบกับ เยอรมนี โดยจะแข่งกันที่ฟุตบอล อารีน่า มิวนิค ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี แน่นอนว่า โปรตุเกส คือ "แชมป์เก่า" ในฐานะแชมป์ยูโร 2016 จากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่อย่าลืมว่า เยอรมนี พกศักดิ์ศรีของความเป็นแชมป์ยุโรปมากที่สุดถึง 3 สมัย ซึ่งเท่ากับ สเปน พอดีเลย จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกม "บิ๊กแมตช์" ที่ไม่ควรพลาดเลยด้วย
อิตาลี-เวลส์
สำหรับนัดที่ 5 เป็นเกมที่ 3 หรือนัดสุดท้ายของกลุ่ม เอ ในคืนวันที่ 20 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง อิตาลี พบกับ เวลส์ โดยจะแข่งกันที่สตาดิโอ โอลิมปิโก้ ในกรุงโรม เมืองหลวงของประเทศอิตาลี เพราะสามารถฟื้นคืนชีพจากยุคตกต่ำได้แล้ว หลังจากที่ไม่ได้โควตาไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ อิตาลี พร้อมกลับมาเป็นทีมระดับหัวแถวของทวีปอีกครั้ง แต่การเผชิญหน้ากับ เวลส์ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน และเคยไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศในศึกยูโร 2016 เมื่อ 5 ปีก่อนได้แบบสุดเซอร์ไพรส์เลยด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่าติดตามชมอยู่เหมือนกัน
มาซิโดเนียเหนือ-ฮอลแลนด์
ต่อกันด้วยนัดที่ 6 เป็นเกมที่ 3 หรือนัดสุดท้ายของกลุ่ม ซี ในคืนวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง มาซิโดเนียเหนือ พบกับ เนเธอร์แลนด์ หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า ฮอลแลนด์ โดยจะแข่งกันที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ นับตั้งแต่ ฮอลแลนด์ เปลี่ยนกุนซือจาก โรนัลด์ คูมัน มาเป็น แฟรงค์ เดอ บัวร์ ในปี 2020 หลังจากนั้นกลับทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย ส่วน มาซิโดเนียเหนือ เป็นทีมน้องใหม่ที่ได้ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในรายการใหญ่เป็นครั้งแรก แม้จะเป็นชาติเล็กๆ แต่เคยสร้างวีรกรรมในช่วงก่อนศึกยูโร 2020 จากการยกพลบุกไปดับซ่า เยอรมนี แบบสุดพลิกล็อกด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่่ผ่านมา ดังนั้น ฮอลแลนด์ มีสิทธิ์น้ำตาตกได้เหมือนกัน หากประมาทฝีเท้าของทีมรองบ่อนที่พร้อมสู้เพื่อล้มยักษ์ได้ทุกเมื่อ
โปรตุเกส-ฝรั่งเศส
ปิดท้ายด้วยนัดที่ 7 เป็นเกมที่ 3 หรือนัดสุดท้ายของกลุ่ม เอฟ ในคืนวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง โปรตุเกส พบกับ ฝรั่งเศส โดยจะแข่งกันที่ปุสกัส อารีน่า ในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี นี่คือการ "รีแมตช์" นัดชิงของศึกยูโร 2016 จากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และเป็นฝั่งของ โปรตุเกส ที่เคยฝากรอยแค้นให้กับ ฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพยูโร 2016 เมื่อครั้งก่อนเสียด้วย เพราะเป็นฝ่ายเฉือนชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 พร้อมกับคว้าแชมป์เจ้ายุโรปไปครองเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ไปเลย ทำให้ ฝรั่งเศส ในฐานะแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 อยากจะล้างแค้นเป็นอย่างมาก หรือจะโดนทีมคู่ปรับเก่าย้ำแค้นอีกครั้งกันแน่ โปรดติดตามกันเอาเองดีกว่า
นี่คือทั้ง 7 เกมที่ไม่ควรพลาดในเกมรอบแรกของศึกยูโร 2020 โปรดติดตามรับชมกันได้ตามอัธยาศัยเลย
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด