เชฟเชนโก้ พร้อมเป็นทุกอย่างให้ลูกหนัง ยูเครน - FEATURE

Sweden v Ukraine - UEFA Euro 2020: Round of 16
Sweden v Ukraine - UEFA Euro 2020: Round of 16 / Stu Forster/Getty Images
facebooktwitterreddit

โลกได้รู้จัก ประเทศยูเครน ก็เพราะเรื่องของเกมลูกหนังมีส่วนอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งมาจากการโชว์ฝีเท้าบนสังเวียนแข้งของผู้ชายที่มีนามว่า "เชว่า" อังเดร เชฟเชนโก้ ตำนานกองหน้าของหนึ่งในชาติที่แยกตัวออกมาจากการล่มสลายของ สหภาพโซเวียต ในช่วงต้นทศวรรษ 90 นั่นเอง

Andriy Shevchenko
Ukraine v France - Group D: UEFA EURO 2012 / Ian Walton/Getty Images

ในศึก ยูโร 2020 ยูเครน สามารถผ่านเข้าถึงรอบน็อคเอาท์ได้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ โดยมาจากฝีไม้ลายมือการคุมทีมของ เชฟเชนโก้ ซึ่งผันตัวเองมาสวมบทเป็นกุนซือมาตั้งแต่ปี 2016 ถ้าจะว่าไปแล้วอดีตดาวยิงวัย 44 ปีมีส่วนร่วมกับการจารึกตำนานต่างๆ ของทีมบ้านเกิดมาโดยตลอดเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่ตอนสมัยที่เป็นนักฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ

ย้อนหลังกลับไปในช่วงทศวรรษ 90 เชฟเชนโก้ ได้เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในระดับสโมสรกับ ดินาโม เคียฟ ทีมยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิด และได้ย้ายไปโด่งดังเป็นพลุแตกกับ เอซี มิลาน ในอิตาลี พร้อมกับจารึกชื่อเป็นนักเตะคนแรกของประเทศยูเครนที่ได้รับเลือกให้คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของทวีปยุโรป หรือ บัลลงดอร์ ในปี 2004 เพียงคนเดียวเท่านั้นจนถึงปัจจุบันนี้เลย

Andrei Shevchenko
Milan v Lecce / New Press/Getty Images

ส่วนผลงานในเกมระดับชาติได้เริ่มต้นรับใช้บ้านเกิดในปี 1995 โดยยังคงเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติยูเครนด้วยจำนวน 48 ลูกจากการลงสนาม 111 เกมจนถึงปี 2012 และเคยพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ไปโชว์ฝีเท้าในรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกมาแล้วหนึ่งครั้งเมื่อปี 2006 แถมยังทะลุไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลยด้วย

นอกจากนี้ เชฟเชนโก้ ได้อยู่ในทีมชุดที่สร้างประวัติศาสตร์ลงเล่นรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเป็นครั้งแรกในศึกยูโร 2012 เมื่อตอนที่ ยูเครน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมกับ โปแลนด์ นั่นเอง และเป็นคนโหม่งคนเดียว 2 ประตูในนัดประเดิมสนามที่เฉือนชนะ สวีเดน 2-1 ได้ด้วย แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์จากการจอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้นก็ตาม

FBL-EURO-2020-2021-MATCH18-UKR-MKD
FBL-EURO-2020-2021-MATCH18-UKR-MKD / MARKO DJURICA/Getty Images

หลังจากนั้น เชฟเชนโก้ ได้ตัดสินใจ "แขวนสตั๊ด" เลิกอาชีพค้าแข้งในช่วงหลังจบศึกยูโร 2012 ด้วยวัย 36 ปี และหันไปเป็นนักการเมืองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเอาดีด้านงานคุมทีมลูกหนัง โดยเริ่มต้นจากงานโค้ชในฐานะผู้ช่วยของ มีคายโล โฟเมนโก้ เมื่อปี 2016 และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาทำหน้าที่คุมทีมบ้านเกิดแบบเต็มตัวในช่วงหลังจบศึกยูโร 2016 ที่จอดป้ายเพียงรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันเมื่อ 5 ปีก่อน

แต่ตอนนี้ ยูเครน สามารถสร้างผลงานที่ไปได้ไกลกว่ารอบแบ่งกลุ่มในศึกยูโรได้แล้ว โดย เชฟเชนโก้ ได้คุมทีมบ้านเกิดลงเล่นในศึกยูโร 2020 และสามารถตบเท้าผ่านเข้าถึงรอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ แม้จะได้ผ่านรอบแบ่งกลุ่มจากการเป็น 1 ใน 4 ทีมอันดับ 3 ที่ดีสุดจากกลุ่ม ซี แต่ก็ได้เข้าไปจัดการเขี่ย สวีเดน ทีมแชมป์กลุ่ม อี ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ด้วย จึงได้ไปเผชิญหน้ากับ อังกฤษ ทีมแชมป์กลุ่ม ดี ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยเลย ซึ่งถือว่าไปได้ไกลเกินคาดจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ เชฟเชนโก้ จึงกลายเป็นทุกอย่างของวงการลูกหนังของยูเครนไปแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เป็นตำนานนักฟุตบอลจนถึงตอนนี้ที่สวมบทกุนซือเพื่อบ้านเกิดเมืองนอนได้ผงาดบนสังเวียนแข้งระดับโลกกันต่อไป

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด