[FEATURE] เนย์มาร์ ยังตัดตาม ! ที่มาของทรงผมไดโกโระของ โรนัลโด้ ในฟุตบอลโลก 2002

Claudio Villa Archive
Claudio Villa Archive / Claudio Villa/Getty Images
facebooktwitterreddit

โรนัลโด้ นาซาริโอ ตำนานนักเตะทีมชาติบราซิลได้ถูกจดจำในฐานะหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดที่โลกนี้เคยมีมา

หนึ่งในฉายาที่ โรนัลโด้ ได้รับนั่นก็คือ 'โล้นทองคำ' ซึ่งมาจากทรงผมสกินเฮดอันเป็นเอกลักษณ์ที่เด็กๆ หลายคนแห่ไปตัดตาม

แต่ตอนฟุตบอลโลกปี 2002 โรนัลโด้ ก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นกับทรงผมอันแปลกประหลาดด้วยการตัดสกินเฮดเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือการเหลือครึ่งวงกลมไว้ตรงด้านหน้าหรือชื่อทรง "ไดโกโระ" ตามภาษาญีปุ่น

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ได้เกิดข้อถกเถียงกันมานานก่อนที่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ โรนัลโด้ จะออกมาเปิดเผยด้วยตัวเองถึงสาเหตุที่ตัดผมทรงนี้

"ผมบาดเจ็บหนักที่ขาและทุกคนก็เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้" โรนัลโด้ กล่าว "ผมจึงตัดสินใจตัดผมแล้วเหลือติ่งเล็กๆ แล้วไปซ้อมด้วยการให้คนอื่นสนใจทรงผมแย่ๆ นี้"

"ทุกคนจะพูดถึงแต่ผมของผมและลืมอาการบาดเจ็บไป มันช่วยให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายขึ้นในตอนซ้อม"

"ผมไม่ได้ภูมิใจกับผมทรงนี้หรอกนะเพราะมันดูประหลาดมาก แต่ก็ได้ผลเลยในการเบี่ยงเบนความสนใจ"

ท้าวความกลับไปก่อนฟุตบอลโลก 2002 โรนัลโด้ เองก็ได้บาดเจ็บหนักบริเวณหัวเข่ากับ อินเตอร์ มิลาน จนเกือบจะกลับมาเล่นฟุตบอลไม่ได้อีกแล้ว

ตอนนั้นทุกคนเอาแต่โฟกัสว่าเขาจะกลับมาได้เหมือนเดิมหรือไม่ ก่อนที่ โรนัลโด้ จะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจซึ่งมันก็ได้ผลชะงัด

ผลลัพธ์คือ โรนัลโด้ สามารถพาทัพเซเลเซาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 5 ไปครองด้วยการเหมาคนเดียวสองประตูในเกมชิงชนะเลิศกับเยอรมนี พ่วงตำแหน่งดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์

แต่อีกหนึ่งเรื่องที่ตามมาก็คือเด็กๆ ในบราซิลต่างพากันแห่ไปตัดผมตาม โรนัลโด้ ฮีโร่ของพวกเขา

"ทุกครั้งที่ผมเห็นเด็กตัดผมทรงนี้ก็จะรู้สึกเซ็งนิดๆ เพราะผมไม่ได้ต้องการเป็นตัวอย่างและทำให้พวกเขาเป็นแบบนี้" โรนัลโด้ กล่าวถึงเรื่องนี้

ขณะที่หนึ่งในเหยื่อทรงผมของ โรนัลโด้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น เนย์มาร์ สตาร์รุ่นน้องในทีมชาตินั่นเอง

"ปี 2002 ผมได้ตัดผมตาม โรนัลโด แต่ก็จำอะไรไม่ได้มากนัก (เพราะยังเด็กอยู่) โรนัลโด้ และ โรมาริโอ คือสองคนที่เข้ามาในใจเมื่อคิดถึงฟุตบอลโลก" เนย์มาร์ เผย

แน่นอนว่า เนย์มาร์ อาจจะเลียนแบบทรงผม โรนัลโด้ ได้ แต่การจะพาทีมชาติบราซิลที่เขาเป็นตัวความหวังประสบความสำเร็จแบบรุ่นพี่อีกครั้งได้มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะทำตามได้ง่ายๆ เลย