เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูโร 2020 : ลูกากู เบิ้ลคมกริบ! เบลเยียม ขย่ม รัสเซีย 3-0 เปิดทัวร์นาเม้นต์แจ่มจรัส

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม
วันแข่งขัน : คืนวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2021
เวลาแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : เบลเยียม 3-0 รัสเซีย
สนาม : เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดี้ยม (ประเทศ รัสเซีย)

เป็นการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับ เบลเยียม ที่แม้จะยังไม่ฟูลทีมแต่ก็เก็บสามแต้มสำคัญมาจาก รัสเซีย ได้ โดยที่ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงฟอร์มแรงเหมาคนเดียวสองประตู โดยมี โธมัส มูนิเยร์ มาบวกอีกหนึ่ง แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือการต้องเสียผู้เล่นอีกคนไปให้กับอาการบาดเจ็บ

ออกสตาร์ทเกมกันด้วยจังหวะบุกของ รัสเซีย ที่ไปลงเอยด้วยการได้เตะมุม แต่ โกโลวิน เปิดไม่แม่นเท่าไหร่

เบลเยียม มาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 10 จากจังหวะเปิดบอลของ คาสตานเญ ไปแฉลบกองหลัง รัสเซีย เข้าทาง ลูกากู ที่ซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ 1-0

นาทีที่ 14 มาริโอ เฟอร์นันเดส โฉบไปโหม่งลูกเตะมุมได้ แต่บอลพุ่งไปตรงตัว กูร์ตัวส์

เกมรับของ รัสเซีย ดูจะมีปัญหามากทีเดียว ในขณะที่กองหน้าของ อินเตอร์ มิลาน ก็พยายามใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนตรงนี้ด้วยการวิ่งหาช่องอยู่ตลอด

นาทีที่ 29 อัลเดอร์ไวเรลด์ เติมมาลองเสี่ยงยิงไกลดู แต่ ชูนิน ก็รับได้สบายๆ

ซูบา กองหน้าวัยเก๋าของ รัสเซีย แทบจะเก็บบอลไม่ได้และแทบจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมเลย

ในขณะที่ เบลเยียม พยายามดันขึ้นสูงเพื่อหาโอกาสทำประตูที่สอง รัสเซีย เองกลับเล่นเหมือนไม่ได้ถูกนำและไม่วิ่งไล่บอลเลย

นาทีที่ 34 ชูนิน นายประตูของ รัสเซีย ปัดลูกเปิดของ ธอร์แกน ฮาซาร์ ไปเข้าทาง โธมัส มูนิเยร์ ยิงเข้าไปให้ทีมออกนำเพิ่มเป็น 2-0

จบ 45 นาทีแรก เบลเยียม นำอยู่ 2-0

ออกสตาร์ทครึ่งหลัง รัสเซีย ดูจะครองบอลได้มากขึ้น แต่การผ่านบอลของพวกเขายังขาดความแม่นยำอยู่มากในหลายจังหวะ

เบลเยียม เองก็อาจจะพอใจกับสกอร์นี้แล้วและเลือกที่ถอยลงไปตั้งรับเสียส่วนใหญ่

รัสเซีย ลองจู่โจมด้วยบอลยาวดูบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผล

หลังเงียบไปพักใหญ่ นาทีที่ 88 ลูกากู มาซัดปิดกล่องอีกประตูจากการแอสซิสต์ของ มูนิเยร์ ที่เลี้ยงบอลขึ้นมาตรงกลางสนามก่อนจะแทงให้ดาวยิงร่างบึกบึนวิ่งทะลุไลน์ไปยิงอย่างเฉียบคม 3-0

เบลเยียม ประเดิมทัวร์นาเม้นต์ด้วยชัยชนะอย่างขาดลอยขึ้นนำฝูงกลุ่มไปก่อน

คะแนนนักเตะทั้งสองทีม

เบลเยียม

กูร์ตัวส์ (6), อัลเดอร์ไวเรลด์ (8), โบยาต้า (7), แฟร์ทองเกน (7), คาสตานเญ (6), เดนดองเกอร์ (7), ติเลอมองส์ (7), อาซาร์ (8), เมอเทนส์ (7), ลูกากู (9), การ์ราสโก (8)

ตัวสำรอง : มูนิเยร์ (8), อ. อาซาร์ (6), แฟร์มาเลน (6), ปราท (6)

รัสเซีย

ชูนิน (4), เฟอร์นันเดส (6), เซเมนอฟ (5), ซิกิยา (5), เชอร์คอฟ (5), ออฟโดเยฟ (5), บารินอฟ (5), ซ็อบนิน (6), โกโลวิน (5), คุสเยฟ (6), ซูบา (5)

ตัวสำรอง : เชอรีเชฟ (5), คาราวาเยฟ (6), ดิเวเยฟ (6), มูคิน (6), มิรานชุค (6)

คีย์แมน

โรเมลู ลูกากู

การจบสกอร์ที่เด็ดขาดผสมผสานกับเกมรับที่อ่อนยวบยาบอันเป็นที่มาของประตูแรก ก่อนที่จะโชว์ความเหนือชั้นกับประตูที่สองในช่วงท้ายเกมที่แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณความเป็นเพชฌฆาตตัวจริงสมราคาการเป็นตัวเต็งดาวซัลโวประจำทัวร์นาเม้นต์

นอกจากนี้แล้วเขายังทำหน้าที่เป็นตัวพักบอลที่ดีในการเปิดทางให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ง่ายขึ้นอีกเป็นกอง

ประเด็นหลังเกม

ครบเครื่องสมราคาคุย

เบลเยียม โชว์ฟอร์มสมกับเป็นเบอร์หนึ่งของโลกโดยที่ไม่ต้องออกแรงมากมายและเป็นทีมที่มีครบทั้งผู้เล่นมากประสบการณ์ไปจนถึงดาวรุ่งพรสวรรค์สูง

แม้จะขาดตัวหลักอย่าง เดอ บรอยน์ แต่แดนกลางของ ปีศาจแดง-ดำ ก็สลับกันรุก/รับได้อย่างรู้ใจ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้วิงแบ็คที่ทำงานหนักวิ่งครอบคลุมพื้นที่ริมเส้นเอาไว้ได้อย่างหมดจดจน รัสเซีย แทบจะไม่สามารถพาบอลขึ้นหน้าได้เลย

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด