ฤาอาถรรพ์ เวมบลีย์ เล่นงาน อังกฤษ ทีมยิงนำก่อนไม่ได้แชมป์ - FEATURE
แม้จะได้ลงเล่นนัดชิง ยูโร 2020 บนแผ่นดินเกิดของตัวเอง เพราะได้โชว์ฝีเท้าที่เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสังเวียนแข้งของตัวเอง แต่ทัพลูกหนัง "สิงโตคำราม" อังกฤษ กลับไม่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกได้เหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ เพราะพลาดท่าแพ้ "อัซซูรี่" อิตาลี ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน 2-3 หลังเสมอกันจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษครบ 120 นาที 1-1
ทั้งนี้ ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายจอมลุยเป็นคนจุดประกายหวังให้พลพรรค "สิงโตคำราม" มีโอกาสลุ้นคว้าแชมป์ยูโร 2020 บนแผ่นดินเกิดของตัวเอง เพราะเป็นคนยิงประตูให้ทีมลูกหนังเมืองผู้ดีออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 2 นาทีเลยด้วยเสียซ้ำ และได้สร้างสถิติเป็นนักเตะที่ยิงประตูในนัดชิงยูโรได้เร็วที่สุดของหน้าประวัติศาสตร์ด้วยเวลาเพียง 1.57 นาทีเท่านั้น
ตามหน้าประวัติศาสตร์ของศึกฟุตบอลยูโรระบุเอาไว้ว่า ชูส เปเรด้า อดีตกองกลางทีมชาติสเปนผู้ล่วงลับไปแล้วเคยเป็นสถิติดังกล่าว โดยยิงประตูได้ในนาทีที่ 6 ของเกมนัดชิงยูโร 1968 และช่วยให้ทัพลูกหนัง "กระทิงดุ" เฉือนชนะ สหภาพโซเวียต 2-1 คว้าแชมป์สมัยแรกไปครองบนแผ่นดินของตัวเองได้สำเร็จ ส่วนในรายของ ชอว์ กลับต้องเศร้าไปพร้อมๆ กับขุนพลแข้ง "สิงโตคำราม" จากการอดฉลองแชมป์ยูโร 2020 เพราะทำได้ดีที่สุดเพียงรองแชมป์นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสนามในเกมนัดชิงยูโร 2020 เคยเป็นสังเวียนแข้งในเกมรอบชิงชนะเลิศของศึกลูกหนังรายการใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง และมีสถิติระบุว่า ทีมที่ขึ้นนำไปก่อนในนัดชิงบนสนามแห่งนี้จะลงเอยด้วยการไม่ได้แชมป์ เริ่มจากครั้งแรกในเกมนัดชิง ฟุตบอลโลก 1966 คู่ระหว่าง เยอรมันตะวันตก พบ อังกฤษ ในฐานะเจ้าภาพ โดยตอนนั้น เยอรมันตะวันตก ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ในช่วง 12 นาทีแรก แต่สุดท้าย อังกฤษ ยิงแซงชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-2 และคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกไปครอง
ส่วนครั้งที่ 2 ในนัดชิง ยูโร 1996 ที่อังกฤษสวมบทเป็นเจ้าภาพ โดยเป็นการพบกันระหว่าง สาธารณรัฐเช็ก กับ เยอรมนี แม้ว่า สาธารณรัฐเช็ก จะยิงขึ้นนำไปก่อนในช่วงครึ่งหลัง แต่ เยอรมนี สามารถยิงตีเสมอในช่วงก่อนจบ 90 นาที และยิงแซงคว้าชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษจากลูก "โกลเด้นโกล" ของ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ นั่นเอง
ส่วนครั้งที่ 3 ในนัดชิงยูโร 2020 และเป็น อังกฤษ ที่เจออาถรรพ์ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ซึ่งอาจจะห้ามยิงขึ้นนำไปก่อนตามเล่นงานเสียเอง ทำให้ อิตาลี เข้าป้ายแชมป์ยุโรปเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่รอคอยมานานถึง 53 ปี นับตั้งแต่ตอนที่คว้าแชมป์ยูโร 1968 ขณะที่ "สิงโตคำราม" ต้องรอคอยแชมป์ยุโรปเป็นสมัยแรกกันต่อไป
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด