[OPINION] ถ้าโลกนี้ไม่มี เมสซี และ โรนัลโด้ รางวัล บัลลงดอร์ ในแต่ละปีควรจะตกเป็นของใคร
นับตั้งแต่ที่ ริคาร์โด้ กาก้า คว้า บัลลงดอร์ ได้เมื่อปี 2007 ก็มีเพียงแค่ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี เท่านั้นที่ผลัดกันคว้ารางวัลดังกล่าวกันมาครองได้ ก่อนที่จะเกิดปาฎิหารย์ขึ้นเมื่อปี 2018 ที่ ลูก้า โมดริช สามารถแหกทุกโผได้รับเสียงโหวตมาเป็นอันดับ 1 แซงหน้าทั้ง 2 แข้งดังไปได้ แต่อย่างไรก็ดีในปีถัดมาก็รางวัลก็กลับมาอยู๋ในมือ เมสซี อีกคำรบ
ทีนี้เราลองมาจินตนาการกันดูว่าถ้าโลกนี้ไม่มีสองผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ รางวัลยอดดาวเตะนี้จะตกเป็นของใครบ้าง
1. ปี 2008 : แฟร์นานโด ตอเรส
เจ้าของรางวัลตัวจริง : โรนัลโด้
เราทุกคนคงเกือบลืมไปแล้วว่า ตอเรส เคยเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องแค่ไหน (หลังย้ายไปฟอร์มตกกับ เชลซี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล ที่เจ้าตัวยิงไปถึง 33 ประตู จาก 46 เกม รวมไปถึงลูกยิงดับ เยอรมัน ในฟุตบอลยูโร 2008 ด้วย
2. ปี 2009 : ชาบี
เจ้าของรางวัลตัวจริง : เมสซี
ในปีที่ เป๊ป กวาดิโอลา พา บาร์เซโลนา คว้าเทรเบิ้ลแชมป์ไปครองได้สำเร็จ นอกจาก เมสซี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างจัดจ้านแล้วก็มี ชาบี เอร์นานเดซนี่แหละที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในแผนการเล่นแบบ ติกิ-ตากา อันเลื่องลือ
3. ปี 2010 : อันเดรส อิเนียสต้า หรือ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์
เจ้าของรางวัลตัวจริง : เมสซี
เป็นปีที่โดนครหามากที่สุดว่าเจ้าของรางวัลชาว อาร์เจนไตน์ อาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุด เพราะทั้ง อิเนียสต้า และ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ ต่างก็ทำได้ดีมากทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร โดยทางด้านมิดฟิลด์ชาว สเปน เป็นถึงผู้ยิงประตูดลชัยให้ กระทิงดุ ผงาดคว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จในนาทีที่ 116 หนำซ้ำยังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในแดนกลางของ บาร์เซโลนา พาต้นสังกัดเถลิงแชมป์ ลา ลีกา ไปได้อีกสมัย ส่วนเพลย์เมคเกอร์ชาว ดัตช์ นั้นสามารถคว้าเทรเบิลแชมป์กับ อินเตอร์ มิลาน ได้สำเร็จ และพา เนเธอร์แลนด์ เข้าชิงฟุตบอลโลกได้อีกด้วย (ก่อนจะพ่ายให้กับทีมของ อิเนียสต้า นั่นแหละ)
4. ปี 2011 : ชาบี
เจ้าของรางวัลตัวจริง : เมสซี
กองกลางชาว สเปน ติดอันดับ 1 ใน 3 มาถึง 3 ปีซ้อนก่อนที่จะแห้วมา 3 ปีรวดเช่นเดียวกัน โดยในฤดูกาลนี้เขามีส่วนร่วมกับประตูมากถึง 22 ลูก แบ่งเป็นยิงเอง 14 และ แอสสิสต์ 8 จากการลงเล่นไป 51 เกม
5. ปี 2012 : อันเดรส อิเนียสต้า
เจ้าของรางวัลตัวจริง : เมสซี
แม้ อิเนียสต้า จะพาทีมชาติกวาดถ้วยรางวัลระดับชาติได้อีกครั้งในศึกฟุตบอล ยูโร 2012 และผลงาน 8 ประตู กับ 17 แอสสิสต์ในนามสโมสรก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานการยิง 73 ประตูจาก 60 นัดมันยากที่จะมองข้ามไปได้จริงๆ
6. ปี 2013 : ฟรองค์ ริเบรี
เจ้าของรางวัลตัวจริง : โรนัลโด้
ริเบรี และ ร็อบเบน ผนึกกำลังกันช่วย บาเยิร์น มิวนิค กวาดไป 5 แชมป์ในฤดูกาลเดียว อันประกอบไปด้วย บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟา ซูเปอร์คัพ และ สโมสรโลก แต่กลับได้แค่ที่ 3 แบบค้านสายตาสุดๆจนเกิดเครื่องหมายคำถามอีกครั้งว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่รางวัลนี้จะมอบให้แก่คนที่มีชื่อเสียงมิใช่คนที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปีนั้นๆ
7. ปี 2014 : มานูเอล นอยเออร์
เจ้าของรางวัลตัวจริง : โรนัลโด้
แข้งชาว เยอรมัน เกือบทำสถิติเป็นนายประตูคนแรกในรอบ 60 ปีต่อจาก เลฟ ยาชิน ที่สามารถคว้ารางวัล บัลลงดอร์ มาครองได้หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในนามสโมสร กับ 2 แชมป์ระดับประเทศและในนามทีมชาติที่ในปีดังกล่าว อินทรีเหล็ก สามารถคว้าถ้วย ฟุตบอลโลก มาครองได้ นอกจากนี้ นอยเออร์ ยังเก็บคลีนชีทได้มากถึง 32 นัดเลยด้วย
8. ปี 2015 : เนย์มาร์
เจ้าของรางวัลตัวจริง : เมสซี
ใครจะไปคาดคิดว่าจำนวน 39 ประตูตลอดทั้งฤดูกาล รวมไปถึงถ้วย ลา ลีกา กับ โคปา เดล เรย์ จะยังไม่เพียงพอในการส่งดาวเตระชาว บราซิล ไปให้ถึงฝั่งฝัน เพราะเมื่อถอยออกมามองภาพรวมแล้วก็จะพบว่า เมสซี และ โรนัลโด้ ยังเหนือกว่าเขาอยู่อีกก้าวนึงหลังยิงไปคนละ 58 และ 61 ประตูตามลำดับ
9. ปี 2016 : อองตวน กรีซมันน์
เจ้าของรางวัลตัวจริง : โรนัลโด้
แม้จะเล่นได้ดี เป็นตัวหลักของ แอตเลติโก มาดริด แต่การ ตราหมี ไม่มีแชมป์อะไรติดมือมาเลยก็น่าจะส่งผลต่อคะแนนโหวตพอสมควร อย่างไรก็ดีจำนวน 32 ประตู จาก 54 นัดในฤดูกาลนั้นก็ดีพอที่ทำให้เขาติดเข้าเป็นอันดับที่ 3
10. ปี 2017 : เนย์มาร์
เจ้าของรางวัลตัวจริง : โรนัลโด้
2 ปีให้หลัง เนย์มาร์ พัฒนาตัวเองให้กลายเป็นตัวหลักของ บาร์เซโลนา ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร และแม้เขาจะทำประตูได้น้อยลงแต่การมีส่วนร่วมในเกมรุกเกือบตลอดเวลาทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาไปเตะตา เปแอสเช เข้าจนถึงกับหอบเงินเป็นสถิติโลกมาสู่ขอเขาไปเลย อย่างไรก็ดีผลงานของเขามันยังดีพอแค่จะติดอันดับ 3 เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปีเท่านั้น
11. ปี 2018 : ลูก้า โมดริช
ด้วยความสามารถในการพา โครเอเชีย ไปสู่รอบชิงชนะเลิศ และ การพา เรอัล มาดริด เถลิงแชมป์ยุโรปเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ผนวกกับความคิดของคนหมู่มากที่เชื่อว่ามันถึงเวลา มูฟออน จาก 2 คนนั้นแล้ว ทำให้หวยมาออกที่ โมดริช ซึ่งเหมาะสมทุกประการ
12. ปี 2019 : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
เจ้าของรางวัลตัวจริง : เมสซี
หลังย้ายมาจาก เซาต์แธมป์ตัน ปราการหลังชาว ดัตช์ ก็สามารถกลายมาเป็นเสาหลักของทีมพร้อมพา ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะเป็นว่าเล่นรวมไปถึงการคว้าแชมป์ยุโรปและแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่รอมานาน 30 ปีจนได้ แต่ท้ายที่สุดก็กลับเป็น เมสซี ที่คว้ารางวัลไปครองเป็นสมัยที่ 6 จนได้
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด