มันชินี่ ผู้ปลุกทีมให้ตื่นมาชูถ้วยแชมป์ - FEATURE

Italy v England - UEFA Euro 2020: Final
Italy v England - UEFA Euro 2020: Final / Claudio Villa/Getty Images
facebooktwitterreddit

ถือว่าเป็นผู้กอบกู้ในฐานะคนปลุกทีมให้ตื่นมาชูถ้วยแชมป์ได้แบบต่อเนื่องเลย สำหรับ "มันโช่" โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ ยูโร 2020 หากดูจากประวัติการทำงานในวงการลูกหนังของโค้ชวัย 56 ปีที่สามารถนำต้นสังกัดตื่นจากการหลับใหลแล้วหวนกลับไปพบกับความสำเร็จได้โดยตลอดเลย

Roberto Mancini
AS Photo Archive / Alessandro Sabattini/Getty Images

ถ้าจะว่าไปแล้ว "มันโช่" เป็นผู้ที่ปลุกทีมให้ตื่นมาชูถ้วยแชมป์ตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเสียด้วยซ้ำ โดยเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ โบโลญญ่า ในปี 1980 แต่ย้ายมาโด่งดังกับ "ลา ซามพ์" ซามพ์โดเรีย ในปี 1982 ซึ่งตอนนั้นเป็นทีมลูกหนังที่เพิ่งก่อร่างสร้างตัวไปสู่ความสำเร็จ หลังจากที่เริ่มก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 1946 และเป็นหนึ่งในนักเตะของ "ยุคทอง" ที่ได้ชูถ้วยแชมป์หลายรายการเลยด้วย

ไล่ตั้งแต่ความสำเร็จแรกของ "ลา ซามพ์" นั่นก็คือ แชมป์โคปา อิตาเลีย ในปี 1985 และสามารถต่อยอดได้ถึง 4 สมัยเลยด้วย นอกจากนี้ มันชินี่ ยังอยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในปี 1991 ซึ่งเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวของสโมสรจนถึงปัจจุบันเลยด้วย รวมถึงแชมป์ยุโรปจากตอนที่ได้ชูถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1990 แต่เป็นรายการที่ได้ยุบการแข่งขันไปแล้วเมื่อปี 1999

Roberto Mancini
Inter Milan v Torino - Serie A / New Press/Getty Images

หลังจากนั้น "มันโช่" ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ "อินทรีฟ้าขาว" ลาซิโอ ในปี 1997 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มก่อร่างสร้างทีมให้กลับไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง และมีส่วนช่วยให้สโมสรเข้าป้ายแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในปี 2000 จึงได้หวนกลับคืนสู่บัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนีเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีเลยด้วย นับตั้งแต่ตอนที่ได้ชูถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศสมัยแรกในปี 1974

ทั้งนี้ มันชินี่ ได้ตัดสินใจ "แขวนสตั๊ด" เลิกอาชีพค้าแข้งกับ เลสเตอร์ เป็นทีมสุดท้ายในชีวิตนักฟุตบอลเมื่อปี 2001 พร้อมกับหันไปเอาดีด้วยงานกุนซือคุมทีมลูกหนังทันทีเลย โดยเริ่มต้นจากการคุมทัพ ฟิออเรนติน่า ในปี 2001 ก่อนจะย้ายไปคุมทัพ ลาซิโอ ในปี 2002 และมีถ้วยแชมป์โคปปา อิตาเลีย ติดมือกับทั้ง 2 สโมสรด้วยเช่นกัน

FBL-ENG-PR-MANCITY-QPR
FBL-ENG-PR-MANCITY-QPR / PAUL ELLIS/Getty Images

หลังจากนั้นได้ย้ายไปรับงานคุมทัพ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ในปี 2004 และสามารถพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในปี 2006 ซึ่งเป็นการหวนกลับมายึดบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนีเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเลยด้วย ก่อนจะตัดสินใจลองย้ายไปคุมทีมในต่างแดน โดยตอบตกลงรับงานคุมทัพ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ บนเกาะอังกฤษในปี 2009

ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตอนนั้น แมนฯ ซิตี้ อยู่ในช่วงก่อร่างสร้างทีมเพื่อไปสู่ความสำเร็จ หลังจากที่ได้กลุ่มทุนจากดินแดนอาหรับเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2009 โดย มันชินี่ สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในปี 2012 และเป็นการหวนกลับคืนสู่บัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีเลยด้วย

FBL-EURO-2020-2021-ITALY
FBL-EURO-2020-2021-ITALY / TIZIANA FABI/Getty Images

ทว่า "มันโช่" ต้องโบกมืออำลา "เรือใบสีฟ้า" ในปี 2013 หลังจากนั้นได้พเนจรไปรับงานคุมทัพ กาลาตาซาราย ในปี 2013 และหวนกลับไปคุมทัพ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2014 ก่อนจะย้ายไปคุมทัพ เซนิท เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในปี 2017 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงได้ลองรับงานคุมทีมระดับชาติดูบ้าง โดยได้ตอบตกลงรับงานคุมทีมชาติอิตาลีในปี 2018

ก่อนหน้านี้ทัพลูกหนัง อิตาลี เคยพบกับช่วงเวลาแห่งความตกต่ำจากตอนที่ไม่ได้ไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลโลก 2018 แต่ มันชินี่ ได้ค่อยๆ ลงมือก่อร่างสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ทำให้ทีมบ้านเกิดได้ชูถ้วยแชมป์ยูโร 2020 และได้หวนกลับคืนสู่บัลลังก์เจ้ายุโรปในรอบ 53 ปีเลยด้วย นับตั้งแต่สมัยแรกที่ได้แชมป์ยูโร 1968 โน้นเลย

ด้วยเหตุนี้ มันชินี่ จึงถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในฐานะผู้ก่อร่างสร้างทีมให้หวนคืนสู่บัลลังก์แชมป์ได้อีกครั้ง หากดูจากประสบการณ์ที่เคยผ่านโลกของเกมลูกหนังมาแบบโชกโชน

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด