สรุปผลฟุตบอล ยูโร 2020 วันนี้: ไวจ์นัลดุม เบิ้ลอัด บ๊วย, ฟินแลนด์ ยัน เบลเยียม ไม่ไหว, เดนมาร์ก งัดฟอร์มถล่ม หมีขาว
ศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) คืนวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน เกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี
เนเธอร์แลนด์ ปิดฉากรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างสวยงามด้วยการอัด นอร์ธ มาร์ซิโดเนีย เสียเละเทะ 3-0 ด้วยประตูจาก เมมฟิส เดปาย ในช่วงครึ่งแรกและอีกสองจาก ไวจ์นัลดุม ในครึ่งหลังทำสถิติเก็บชัยได้สามเกมรวด
ขณะที่ ออสเตรีย ก็ตามเข้ารอบมาติดๆหลังจากที่สามารถเอาชนะ ยูเครน ได้ด้วยประตูโทนของ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์
ศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) คืนวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน เกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี
เบลเยียม ไม่น้อยหน้า เนเธอร์แลนด์ เก็บชัยสามเกมรวดเช่นกันจากการเอาชนะ ฟินแลนด์ ไป 2-0 ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองของ ลูคัส ฮราเดคกี้ และ โรเมลู ลูกากู อีกเม็ด
ในขณะที่อีกคู่ เดนมาร์ก ก็มางัดฟอร์มเก่งได้ถูกที่ถูกเวลาถล่ม รัสเซีย เสียราบคาบ 4-1 ตาม เบลเยียม เข้ารอบในฐานะรองแชมป์ด้วยประตูได้เสียที่เหนือกว่าอีกสองทีม
นอร์ธ มาร์ซิโดเนีย 0-3 เนเธอร์แลนด์
เมมฟิส เดปาย 24'
ไวจ์นัลดุม 51'
ไวจ์นัลดุม 58'
ความพ่ายแพ้ของ นอร์ธ มาร์ซิโดเนีย ในเกมนี้หมายความว่าพวกเขาเก็บไม่ได้แม้แต่แต้มเดียวในรอบแบ่งกลุ่ม โดยที่ เนเธอร์แลนด์ ยังคงโชว์ฟอร์มแกร่งยิงประตูคู่แข่งไปถึงสามลูกด้วยกัน
เดปาย ซัดประตูเบิกร่องตั้งแต่นาทีที่ 24 จากบอลยาวของ ดอนเยลล์ มาเลน สาดขึ้นหน้าไปถึงกองหน้าป้ายแดงสังกัด บาร์เซโลนา เลี้ยงแหวกไปถึงหน้าโกล์ก่อนจะซัดนิ่มๆเข้าไป
ประตูที่สองของเกมเริ่มมาจาก ไวจ์นัลดุม ที่ตัดบอลได้ตั้งแต่กลางสนาม บอลไปถึง เดปาย เลี้ยงต่อถึงสุดเส้นหลัง ไหลมาให้เจ้าตัว จินี แทปอินระยะเผาขน
ปิดท้ายด้วยประตูที่สามในอีกไม่กี่อึดใจต่อมาจาก มาเลน คนเดิมแทงทะลุช่องไปให้ เดปาย ในกรอบเขตโทษซัดไปติดเซฟนายประตูคู่แข่งก่อนที่กัปตันทีมจะเข้าไปซ้ำเน้นๆ 3-0
ยูเครน 0-1 ออสเตรีย
คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ 21'
ออสเตรีย ทำได้! ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์รายการ ยูโร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติด้วยประตูในนาทีที่ 21 จากลูกเปิดของ อลาบา ไปถึงกองกลางของ ฮอฟเฟนไฮม์ ทิ่มบอลเข้าประตูไปแบบไม่มีตัวประกบ โดยที่ บุสชาน มือกาวของ ยูเครน ทำได้แค่มองตาแป๋ว
ฟินแลนด์ 0-2 เบลเยียม
ลูคัส ฮาเดคกี้ (เข้าประตูตัวเอง) 74'
โรเมลู ลูกากู 81'
เบลเยียม เกือบเจาะแนวรับของ ฟินแลนด์ ไม่เข้าก่อนที่จะมาได้ประตูแรกของเกมในนาทีที่ 74 จากจังหวะที โธมัส แฟร์มาเลน โขกไปชนเสากระดอนใส่ ฮราเดคกี้ เข้าประตูไป
ประตูที่สองตามมาติดๆจาก ลูกากู ที่เพิ่งโดน VAR ริบประตูไปก่อนหน้านี้เพราะล้ำหน้า โดยหัวหอกของ อินเตอร์ รับบอลมาจาก เดอ บรอยน์ ก่อนจะพลิกตัวเข้าไปยิงอย่างเฉียบขาด
ฟินแลนด์ ยังได้ลุ้นต่ออีกเฮือกว่าจะเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่
รัสเซีย 1-4 เดนมาร์ก
มิคเคล แดมส์การ์ด 38'
ยุสซุฟ โพลเซน 59'
อาเทม ซูบา (จุดโทษ) 70'
อันเดรียส คริสเตนเซน 79'
โยอาคิม แมร์เลอร์ 82'
นับเป็นแสงสว่างในช่วงเวลาอันมืดมิดของ เดนมาร์ก อย่างแท้จริง หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ คริสเตียน เอริคเซน คีย์แมนของทีม พวกเขาก็แพ้มาถึงสองเกมติดกัน ก่อนจะมางัดฟอร์มเด็ดในเกมนี้ถล่ม รัสเซีย ไปอย่างราบคาบ
แม้แต้มจะเท่ากันถึงสามทีมแต่ เดนมาร์ก ได้การันตีเข้ารอบจากประตูได้เสียที่ดีกว่าใครเพื่อน ส่วน รัสเซีย ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านหลังเป็นบ๊วยของกลุ่ม
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด