ย้อนรอย 6 ตำนานกองหน้า พรีเมียร์ลีก หวนกลับคืนสู่รังเดิม - FEATURE

Manchester United's English forward Wayn
Manchester United's English forward Wayn / ANDREW YATES/Getty Images
facebooktwitterreddit

นับตั้งแต่ ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ได้เริ่มต้นก่อตั้งในปี 1992 หลังจากนั้นมีนักเตะระดับตำนานที่ได้คัมแบ็กกลับไปค้าแข้งให้ทีมเก่าที่เคยใช้แจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกอยู่หลายคน โดยมีรายชื่อของ 6 ตำนานกองหน้าที่ได้หวนคืนสู่ถิ่นเดิมถึง 2 รอบดังต่อไปนี้เลย

Robbie Fowler
Portsmouth v Liverpool / Ben Radford/Getty Images

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

เริ่มต้นกันด้วย ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ซึ่งแจ้งเกิดจากการเป็นเด็กปั้นของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในปี 1993 พร้อมกับโชว์ฟอร์มยอดดาวยิงจากการสอยตาข่ายได้แบบต่อเนื่องเลย แต่ได้ตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ในปี 2001 เพราะสูญเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ ไมเคิ่ล โอเว่น ยอดดาวรุ่งพุ่งแรงในยุคนั้น โดยได้ย้ายไปร่วมทัพ "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด และ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะย้ายกลับมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล เป็นรอบที่ 2 ในปี 2006 ได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียว โดยหลังจากนั้นได้พเนจรย้ายไปค้าแข้งกับทีมต่างๆ และได้ประกาศ "แขวนสตั๊ด" เลิกอาชีพค้าแข้งในเมืองไทยกับ "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอลเมื่อปี 2012 โดยฝากผลงานลงสนามรับใช้ "หงส์แดง" ในทุกรายการจากทั้ง 2 รอบไปทั้งหมดเพียง 369 เกม ยิงประตูได้ 183 ลูก

Thierry Henry
Arsenal v Birmingham City / Phil Cole/Getty Images

เธียร์รี่ อองรี

ไปต่อกันด้วย เธียร์รี่ อองรี อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสของ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล โดยย้ายมาจาก ยูเวนตุส ในปี 1999 และได้สร้างตำนานเอาไว้มากมายเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และได้รับเลือกให้คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลอีก 2 ครั้ง รวมถึงการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฐานะดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกได้มากถึง 4 ครั้งเลยด้วย แต่ได้ตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในปี 2007 โดยย้ายไปซบ บาร์เซโลน่า และ นิวยอร์ค เรดบูลล์ นั่นเอง ก่อนจะหวนกลับมาร่วมทัพ อาร์เซนอล เป็นรอบที่ 2 ในปี 2011 ด้วยยืมตัวจาก นิวยอร์ค เรดบูลล์ เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น โดยฝากผลงานลงสนามรับใช้ "ปืนใหญ่" ในทุกรายการจากทั้ง 2 รอบไปทั้งหมดเพียง 377 เกม ยิงประตูได้ 228 ลูก ซึ่งยังคงเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรอยู่ด้วย

Teddy Sheringham
Teddy Sheringham / Steve Bardens/Getty Images

เท็ดดี้ เชอริงแฮม

ขณะที่ เท็ดดี้ เชอริงแฮม อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานนักเตะของศึกพรีเมียร์ลีกได้เหมือนกัน โดยสร้างชื่อโด่งดังกับ "ไก่เดือยทอง" ทอตแน่ม ฮอทสเปอร์ หลังย้ายมาจาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1992 และฝากผลงานยิงประตูได้แบบต่อเนื่อง แต่ได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1997 และอยู่ในทีมชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 1999 ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นได้ย้ายกลับมาร่วมทัพ สเปอร์ส เป็นรอบที่ 2 ในปี 2001 ก่อนจะย้ายออกไปในปี 2003 และได้พเนจรไปค้าแข้งให้กับทีมต่างๆ จึงตัดสินใจ "แขวนสตั๊ด" เลิกเล่นฟุตบอลในปี 2008 โดยฝากผลงานลงสนามรับใช้ "ไก่เดือยทอง" ในทุกรายการจากทั้ง 2 รอบไปทั้งหมดเพียง 277 เกม ยิงประตูได้ 124 ลูก

FBL-ENG-PR-CHELSEA-WEST HAM
FBL-ENG-PR-CHELSEA-WEST HAM / JUSTIN TALLIS/Getty Images

ดิดิเยร์ ดร็อกบา

ส่วนในรายของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตกองหน้าทีมชาติไอวอรี่โคสต์ของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เป็นอีกหนึ่งตำนานนักเตะของศึกพรีเมียร์ลีกด้วยเช่นกัน โดยย้ายมาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ในปี 2004 และได้สร้างตำนานเอาไว้มากมายเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 สมัย และคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฐานะดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกได้ 2 ครั้ง แต่ได้ตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงหลังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2012 เพื่อไปล่าตาข่ายถิ่นต่างแดนดูบ้าง และได้ย้ายกลับมาร่วมทัพ เชลซี เป็นรอบที่ 2 ในปี 2014 เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น โดยฝากผลงานลงสนามรับใช้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ในทุกรายการจากทั้ง 2 รอบไปทั้งหมดเพียง 381 เกม ยิงประตูได้ 164 ลูก

Wayne Rooney
AFC Bournemouth v Everton - Premier League / Dan Istitene/Getty Images

เวย์น รูนี่ย์

ไปต่อกันที่ เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ซึ่งแจ้งเกิดจากการเป็นเด็กปั้นของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในปี 2002 หลังจากนั้น "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทุ่มเงินดึงมาร่วมทีมในปี 2004 พร้อมกับสร้างตำนานเอาไว้มากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 5 สมัย และคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 ได้ด้วย นอกจากนี้ยังคงเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ "ปีศาจแดง" ด้วยจำนวน 253 ประตูอยู่ด้วย และได้ย้ายกลับไปร่วมทัพ เอฟเวอร์ตัน ทีมต้นสังกัดแรกในปี 2017 เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น และได้ตัดสินใจ "แขวนสตั๊ด" เลิกอาชีพค้าแข้งกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในช่วงต้นปี 2021 โดยฝากผลงานลงสนามรับใช้ "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" ในทุกรายการจากทั้ง 2 รอบไปทั้งหมดเพียง 117 เกม ยิงประตูได้ 28 ลูก

Cristiano Ronaldo
BSC Young Boys v Manchester United: Group F - UEFA Champions League / Eurasia Sport Images/Getty Images

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ปิดท้ายด้วย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสที่ได้ย้ายจาก "ม้าลาย" ยูเวนตุส กลับมาร่วมทัพ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นรอบที่ 2 ในฤดูกาล 2021/2022 หลังจากที่เคยสร้างชื่อโด่งดังเป็นพลุแตกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงหลังย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 2003 พร้อมกับสร้างตำนานเอาไว้มากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 สมัย และคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลอีก 2 ครั้ง รวมถึงการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฐานะดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกได้อีก 1 ครั้ง แต่ได้ตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 2009 เพื่อไปร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของโลกในยุคนั้นเลยด้วย โดยฝากผลงานลงสนามรับใช้ "ปีศาจแดง" ในรอบแรกรวมทุกรายการไปทั้งหมดเพียง 117 เกม ยิงประตูได้ 28 ลูก

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด