5 เหตุการณ์ย้อนรอย"เชลซี"ยึดบัลลังก์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบบเดจาวู - FEATURE

Manchester City v Chelsea FC - UEFA Champions League Final
Manchester City v Chelsea FC - UEFA Champions League Final / Visionhaus/Getty Images
facebooktwitterreddit

ก้าวเท้าขึ้นไปยึดบัลลังก์ "เจ้าสโมสรยุโรป" ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำฤดูกาล 2020/2021 ได้สำเร็จ สำหรับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยนัดชิงเป็นฝ่ายเฉือนชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ทีมคู่อริร่วมเมืองเดียวกัน 1-0 จึงได้เข้าป้ายทีมลูกหนัง "เบอร์หนึ่ง" ของทวีปเป็นสมัยที่ 2 ได้ด้วยเลย

Thomas Tuchel
Manchester City v Chelsea FC - UEFA Champions League Final / Marc Atkins/Getty Images

ย้อนรอยกลับไปเมื่อปี 2012 เชลซี สามารถผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ โดยนัดชิงเป็นฝ่ายเฉือนชนะ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงดวลจุดโทษตัดสินนั่นเอง และว่ากันว่ามีอยู่ถึง 5 เหตุการณ์แบบ "เดจาวู" ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีก่อน ทำให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้ย้อนรอยความสำเร็จอีกครั้งตามเหตุการณ์ดังนี้เลย

1.เปลี่ยนกุนซือกลางคัน

Frank Lampard
Chelsea v Manchester City - Premier League / Shaun Botterill/Getty Images

เริ่มจากเหตุการณ์แรกคือมีการปลด "กุนซือคนหนุ่ม" แบบกลางคัน โดยในช่วงฤดูกาล 2011/2012 ตอนนั้น เชลซี ได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวกุนซือแบบกลางคันด้วยการปลด อังเดร บียาส โบอาส กุนซือหนุ่มไฟแรงในยุคนั้นออกจากตำแหน่งช่วงเดือน มี.ค.ปี 2012 และแต่งตั้ง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ สวมบทกุนซือขัดตาทัพจนสามารถลุยไปยึดบัลลังก์ "เจ้าสโมสรยุโรป" เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ

ส่วนฤดูกาล 20202/2021 "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้ประกาศปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือคนหนุ่มออกจากตำแหน่งเมื่อช่วงปลายปีก่อน และได้แต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นเป็นกุนซือคนใหม่ในช่วงต้นปี 2021 และสามารถพาทีมแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยที่ 2 ไปเลย

2.ผ่านทีมโปรตุเกสเข้ารอบตัดเชือก

Agustin Marchesin, Ben Chilwell
FC Porto v Chelsea - UEFA Champions League / Soccrates Images/Getty Images

สำหรับเหตุการณ์ที่ 2 คือการเขี่ยทีมจากโปรตุเกสตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยในช่วงฤดูกาล 2011/2012 เชลซี เป็นฝ่ายสยบ "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้า ได้ในรอบนี้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-1

ส่วนฤดูกาล 2020/2021 "สิงโตน้ำเงินคราม" เป็นฝ่ายพิชิตชัยเหนือ ปอร์โต้ อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลโปรตุเกสในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-1

3.คว่ำทีมสเปนแล้วลอยลำสู่นัดชิง

Christian Pulisic, Marcelo
Real Madrid v Chelsea - UEFA Champions League / Soccrates Images/Getty Images

ไปต่อกันด้วยเหตุการณ์ที่ 3 นั้นก็คือ ได้เผชิญหน้ากับทีมลูกหนังจากสเปนในรอบรองชนะเลิศ โดยในช่วงฤดูกาล 2011/2012 เชลซี ได้ดวลแข้งกับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ในรอบตัดเชือก และสามารถพิชิตชัยได้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2

ส่วนฤดูกาล 2020/2021 "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้โคจรมาพบกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองกระทิงดุในรอบรองชนะเลิศ โดยเกมแรกสามารถบุกไปยันเสมอด้วยสกอร์ 1-1 แต่นัดที่ 2 สามารถกลับมาเปิดบ้านคว้าชัยด้วยสกอร์ 2-0 จึงได้ผ่านเข้าสู่นัดชิงด้วยผลรวมทั้ง 2 เกม 3-1 นั่นเอง

4.โดนยิงคาบ้าน5ประตูในพรีเมียร์ลีก

Callum Robinson, Edouard Mendy
Chelsea v West Bromwich Albion - Premier League / Mike Hewitt/Getty Images

ด้านเหตุการณ์ที่ 4 คือจะต้องมีเกมที่เสียประตูจากการลงเล่นนัดเหย้าถึง 5 ลูกในศึกพรีเมียร์ลีก โดยในฤดูกาล 2011/2012 เชลซี เคยพลาดท่าแพ้ อาร์เซนอล คาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แบบยับเยินถึง 3-5

ส่วนในฤดูกาล 2020/2021 "สิงโตน้ำเงินคราม" ปราชัยคารังให้กับ เวสต์บรอมวิช ในศึกพรีเมียร์ลีกด้วยสกอร์แบบขาดลอยถึง 2-5 เลยทีเดียว

5.คู่อริเมืองแมนเชสเตอร์ยึด2อันดับแรก

Ruben Dias, Anthony Martial
Manchester City v Manchester United - Premier League / Pool/Getty Images



ปิดท้ายด้วยเหตุการณ์ที่ 5 นั่นก็คือ 2 ทีมคู่ปรับแห่งเมืองแมนเชสเตอร์จะต้องยึด 2 อันดับแรกบนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก โดยในฤดูกาล 2011/2012 ศึกพรีเมียร์ลีกได้บทสรุปก็คือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าป้ายอันดับ 1 ในฐานะแชมป์ไปเลย ส่วนอันดับ 2 เป็นของ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะรองแชมป์นั่นเอง

ส่วนในฤดูกาล 2020/2021 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ยึดอันดับ 1 ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับ 2 เหมือนเมื่อ 9 ปีก่อนด้วยเช่นกัน

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด