ลูกากู ระวัง อาถรรพ์ 5 กองหน้า เชลซี ค่าตัวแพงเอาชื่อมาทิ้งที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ - LIST
คัมแบ็กกลับคืนสู่ทีมเก่าเป็นรอบที่ 2 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ไปเลย สำหรับ โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยี่ยมวัย 28 ปี เพราะได้ย้ายมาจาก "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 97.5 ล้านปอนด์เลยทีเดียว หลังจากที่เคยค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ มาแล้วในรอบแรกเมื่อตอนที่ย้ายมาจาก อันเดอร์เลชท์ ในปี 2011 ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ แต่ไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ จึงต้องย้ายออกไปในปี 2014 และได้พเนจรไปโชว์ฝีเท้ากับหลายสโมสร
ก่อนหน้านี้ สิงห์บลู เคยทุ่มเงินคว้ากองหน้าชื่อดังราคาแพงเข้ามาเสริมทัพหลายรายเลย และดูเหมือนว่าจะเป็น "อาถรรพ์" ตามมาด้วย เพราะพวกกองหน้าค่าตัวแพงๆ มักจะประสบความล้มเหลวกับการค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งทาง ลูกากู จะต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆ หากไม่อยากเดินตามรอยเท้าของ 5 อดีตกองหน้ารุ่นพี่ที่เคยย้ายมาด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของสโมสร แต่ต้องเอาชื่อมาทิ้งเอาไว้กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" ดังต่อไปนี้
อังเดร เชฟเชนโก้
เริ่มต้นกันด้วย อังเดร เชฟเชนโก้ ตำนานกองหน้าทีมชาติยูเครน ซึ่งเคยสร้างชื่อจากการเป็นหนึ่งในกองหน้าระดับโลกเมื่อตอนสมัยที่ค้าแข้งกับ เอซี มิลาน และได้ย้ายมาร่วมทัพ เชลซี ในปี 2006 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของเกาะอังกฤษในยุคนั้นสูงถึง 30 ล้านปอนด์ แม้จะได้รับโอกาสให้ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกระหว่างปี 2006-2008 ไปทั้งหมด 48 เกม แต่ว่าฝากผลงานยิงประตูได้เพียง 9 ลูกเท่านั้น เพราะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นแบบเมืองผู้ดีอยู่ด้วยนั่นเอง จึงถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืมตัวไปใช้งานในปี 2008 และถูกโละทิ้งตอนช่วงหลังหมดสัญญาในปี 2009 อีกด้วย
เฮอร์นัน เครสโป
ไปต่อกันด้วย เฮอร์นัน เครสโป อดีตกองหน้าทีมชาติอาร์เจนติน่าเคยย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาค้าแข้งกับ เชลซี ในปี 2003 ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์ ซึ่งเคยเป็นสถิติกองหน้าค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรในยุคนั้นด้วย แม้จะทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ เพราะยิงไปได้ถึง 20 ประตูจากการลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกไปทั้งหมด 49 เกม แต่ถือว่าน้อยกว่าผลงานที่เคยฝากเอาไว้ให้กับหลายๆ สโมสรในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ไม่ว่าจะเป็น ปาร์ม่า, ลาซิโอ, อินเตอร์ มิลาน รวมถึง เอซี มิลาน และเคยยิงเฉลี่ยในเกมลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนีได้ไม่ต่ำกว่า 20 ประตูต่อหนึ่งฤดูกาลอีกด้วย จึงดูเหมือนว่าดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์มีความเหมาะสมกับสไตล์การเล่นแบบอิตาลีมากกว่าบนเกาะอังกฤษ ก่อนจะถูกปล่อยให้ย้ายกลับไปโชว์ฝีเท้าเมืองมักกะโรนีด้วยสัญญายืมตัวกับหลายๆ สโมสร และได้แยกทางกันตอนช่วงหลังหมดสัญญาในปี 2008 แบบไม่มีค่าตัว
เฟอร์นันโด้ ตอร์เรส
ขณะที่ เฟอร์นันโด้ ตอร์เรส อดีตหัวหอกทีมชาติสเปนเป็นกองหน้าค่าตัวแพงอีกหนึ่งรายที่เคยเอาชื่อเสียงมาทิ้งเอาไว้กับ เชลซี ด้วยเหมือนกัน แม้จะเคยยิงประตูในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อตอนสมัยที่ค้าแข้งกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้แบบเป็นกอบเป็นกำ ทำให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ตัดสินใจทุ่มเงินคว้ามาเสริมทัพในปี 2011 ด้วยค่าตัวสูงถึง 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติแพงที่สุดของเกาะอังกฤษในยุคนั้นเสียด้วย แต่ดูเหมือนว่าหัวหอกชาวเมืองกระทิงดุจะพบกับความกดดันจากเรื่องของค่าตัวเป็นเงินจำนวนมหาศาล จึงฝากผลงานทิ้งเอาไว้แบบไม่น่าประทับใจ โดยได้รับโอกาสให้ลงสนามในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีระหว่างปี 2011-2015 ไปทั้งหมด 110 เกม แต่สอยตาข่ายได้เพียง 20 ประตูเท่านั้น จึงถูกปล่อยให้ย้ายซบ เอซี มิลาน แบบไม่มีค่าตัวในช่วงหลังหมดสัญญาไปเลย
อัลบาโร่ โมราต้า
ส่วนในรายของ อัลบาโร่ โมราต้า กองหน้าทีมชาติสเปนเคยย้ายจาก เรอัล มาดริด มาค้าแข้งกับ เชลซี ในปี 2017 ด้วยค่าตัวสูงถึง 60 ล้านปอนด์ และเป็นสถิติแพงที่สุดของสโมสรในตอนนั้นไปเลยด้วย แต่ทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจ โดยได้รับโอกาสให้ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกระหว่างปี 2017-2019 ไปทั้งหมด 47 เกม แต่ยิงประตูได้เพียง 16 ลูก จึงโดนวิจารณ์ว่าเป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสจบสกอร์ได้เปลืองมากๆ ไปเลยด้วย ทำให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ตัดสินใจปล่อยให้ แอตเลติโก มาดริด ยืมตัวไปใช้งานในปี 2019 และขายขาดในปี 2020 ด้วยค่าตัว 58 ล้านปอนด์ หลังจากนั้น โมราต้า ยังคงความเป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสเปลืองต่อไป และได้ถูกปล่อยให้กลับไปย้ายซบ ยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัวอีกทอดหนึ่ง
คริส ซัตตัน
ปิดท้ายด้วย คริส ซัตตัน อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ซึ่งต้องย้อนหลังกลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 90 โน้นเลย โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของเมืองผู้ดีในยุคนั้นเมื่อตอนที่ย้ายจาก นอริช ไปร่วมทัพ แบล็คเบิร์น ในปี 1994 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ แต่หลังจากที่ แบล็คเบิร์น กระเด็นตกชั้นในปี 1999 จึงได้ย้ายไปซบ เชลซี ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติแพงที่สุดของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ในตอนนั้นด้วย แต่กลับทำผลงานได้แบบน่าผิดหวังสุดๆ โดยได้รับโอกาสให้ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1999/2000 ไปทั้งหมด 28 เกม แต่ยิงประตูได้เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น จึงถูกปล่อยให้ย้ายไปซบ กลาสโกว์ เซลติก ในช่วงซีซั่นถัดมาแบบขายขาดทุนเหลือเพียง 6 ล้านปอนด์ แต่เป็นสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของ เซลติก ในยุคนั้นด้วยเช่นกัน
โปรดติดตามกันต่อไปว่า ลูกากู จะสามารถ "อาถรรพ์" ในเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินตามรอยเท้าของ 5 กองหน้ารุ่นพี่ค่าตัวแพงในระดับที่เป็นสถิติสูงที่สุดของสโมสรมาก่อนนั่นเอง
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด