เอ็ด วู้ดเวิร์ด กับการทำ แมนยู ขาดทุนในตลาดซื้อขายนักเตะกว่า 146 ล้านปอนด์ - FEATURE

Manchester United v Aston Villa - Premier League
Manchester United v Aston Villa - Premier League / Alex Livesey/GettyImages
facebooktwitterreddit

การเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในระยะหลังมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง - แต่ในแง่ของการขายออกพวกเขาก็แย่ไม่แพ้กันเลย

ชื่อของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ไม่ได้มาพร้อมกับความทรงจำที่ดีนัก เพราะนับตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานเป็น ซีอีโอ ในปี 2013 แทน เดวิด กิลล์ - แมนฯ ยูไนเต็ด ได้พลาดตัวบิ๊กเนมไปหลายต่อหลายรายทีเดียว (อ่านที่นี่)

หนำซ้ำสโมสรแห่งนี้ยังขาดทุนไปอย่างมหาศาลเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยไปกว่า 146 ล้านปอนด์สำหรับการปล่อยตัวผู้เล่นชุดใหญ่ออกไปในราคาที่ต่ำกว่าทุน


อังเคล ดิ มาเรีย

รายแรกกับปีกชาว อาร์เจนไตน์ ฝีเท้าจัดจ้านที่ย้ายมาแต่ตัว เพราะหัวใจเขาลอยไปอยู่ใน ปารีส มาตั้งนานแล้ว

ค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์เป็นสถิติของประเทศ อังกฤษ ในตอนนั้น ตกลงมาถึง 15.4 ล้านปอนด์ในปีเดียวเมื่อเขางอแงอยากจะย้ายไปเล่นใน ลีกเอิง ใจจะขาดรอนๆ

มอร์แกน ชไนดอร์แลง

โชว์ฟอร์มอย่างน่าประทับใจกับ เซาแธมป์ตัน จนถูกคว้าตัวมาด้วยมูลค่า 25 ล้านปอนด์

และแม้จะเล่นได้ไม่สมราคาแต่อย่างน้อย ยูไนเต็ด ก็ไม่ขาดทุนนักเมื่อ เอฟเวอร์ตัน มาขอเซ้งต่อด้วยราคา 22 ล้าน

เมมฟิส เดปาย

ยิงประตูเป็นว่าเล่นกับ พีเอสวี และได้ย้ายมาสมใจอยากด้วยค่าตัว 31 ล้านปอนด์ - และเช่นเคย เขาไปไม่รอดแม้จะพอฉายแววให้เห็นอยู่บ้างก็ตาม

แข้งชาว ดัตช์ แจ้งเกิดได้อีกครั้งกับ ลียง ใน ฝรั่งเศส หลังย้ายไปด้วยราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 10 ล้านปอนด์

ปัจจุบันเขากำลังค้าแข้งอยู่ใน ลาลีกา กับ บาร์เซโลนา ที่สถานการณ์ก็ไม่ได้สู้ดีนัก

บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์

"เมื่อคู่แข่งเห็น บาสเตียน อยู่ในทีมชีทของฝั่งตรงข้าม พวกเขาจะต้องเสียวสันหลังวาบ" วู้ดเวิร์ด กล่าวไว้ในงานแถลงข่าวเมื่อพูดถึงกองกลางวัยเก๋าซึ่งกำลังอยู่ในขาลงของอาชีพการค้าแข้ง

มิวนิค รับทรัพย์เข้ากระเป๋าไปถึง 14.4 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับผู้เล่นที่จะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ลงเล่นให้ทีมสำรองเพียงเพื่อจะย้ายออกไปแบบไร้ค่าตัวในอีกสองปีต่อมา

มารูยาน เฟลไลนี

มาร่วมงานกับอดีตนายใหญ่ เดวิด มอยส์ ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ซึ่งจริงๆควรจะถูกกว่านี้หาก วู้ดเวิร์ด ไม่ลังเลจนเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาหมดอายุไป

กองกลางร่างโยกลงเล่นอย่างสม่ำเสมอให้ ฟาน กัล และ โจเซ มูรินโญ พร้อมช่วยทีมโขกพังประตูสำคัญๆอยู่เป็นประจำจนกระทั่งถึงคราของ โอเล กุนนาร์ โซลชา

เขาย้ายไปเล่นในลีก จีน ด้วยมูลค่า 10 ล้านปอนด์ กระนั้นนี่ก็นับเป็นดีลที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้วก็ว่าได้ในระยะหลัง

มัตเตโอ ดาร์เมียน

เล่นดีมากในช่วง 2-3 เกมแรกนับตั้งแต่ย้ายมาด้วยค่าตัว 12.7 ล้านปอนด์จนถูกยกมาเปรียบเทียบกับ แกรี่ เนวิลล์

แต่หลังจากนั้นเขาก็หาฟอร์มเก่งตัวเองไม่เจออีกเลย และถูกปล่อยตัวไปให้ ปาร์มา ในราคาไม่ถึง 2 ล้านปอนด์

ตอนนี้เขากำลังไปได้สวยกับ อินเตอร์ มิลาน เลย

อันแดร์ เอร์เรรา

หลังชวดคว้าตัวเขามาในซัมเมอร์ 2013 หนึ่งปีให้หลัง ยูไนเต็ด จึงจ่ายค่าฉีกสัญญามูลค่า 29 ล้านให้ แอธเลติก บิลเบา เพื่อนำตัวเขามาร่วมทีม

ทัศนคติและฟอร์มการเล่นของเขาสามารถครองใจแฟนๆ ปีศาจแดง ได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่เจรจาสัญญาใหม่ไม่ลงตัว แข้งร่างเล็กใจใหญ่จึงย้ายไป เปแอสเช ในฐานะฟรีเอเยนต์ในปี 2019

โรเมลู ลูกากู

แม้จะขาดทุนเพียงล้านเดียวแต่เขาแต่เขาก็ยังต้องมีชื่ออยู่ในลิสต์นี้อยู่ดี

ลูกากู ย้ายไปเล่นให้ อินเตอร์ สโมสรที่เขารักสุดหัวใจ และยังคงรักอยู่แม้จะย้ายมาเล่นให้ เชลซี แล้วก็ตาม

อเล็กซิส ซานเชส

ย้ายสลับขั้วกับ มคิร์ทายาน จาก อาร์เซนอล พร้อมรับค่าแรงครึ่งล้านต่อสัปดาห์ แต่กลับไม่สามารถควานหาฟอร์มเก่งของตัวเองเจอและฝากผลงานไว้ที่ 5 ประตูจาก 45 เกม

นอกจากนี้ ยูไนเต็ด ยังต้องยอมจ่ายส่วนต่างค่าแรงให้เขาถึง 9 ล้านปอนด์เพื่อให้แข้งชาว ชิลี ยอมย้ายไปเล่นใน อิตาลี

มาร์กอส โรโฮ

หลังโชว์ฟอร์มแจ่มในฟุตบอลโลก เขาจึงได้ย้ายมาพร้อมความคาดหวังอันสูงส่งว่าจะมาแทนที่ของ เนมานยา วิดิช ได้ด้วยราคา 16 ล้านปอนด์

ทว่าเขาเหมือนกับแข้งชาว เซอร์เบีย แค่ความบ้าบิ่นเท่านั้น เพราะ โรโฮ กระดูกยุงเป็นบ้าเลย

ใน 4 ฤดูกาลหลัง เขาได้ลงเล่นไปเพียง 16 เกม ก่อนจะย้ายไป โบคา จูเนียร์ส หลังหมดสัญญา