10 โคตรแมตช์ฟุตบอลยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษ - Ranked

10 เกมฟุตบอลยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษ
10 เกมฟุตบอลยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษ /
facebooktwitterreddit

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเกมการแข่งขันฟุตบอลที่ตราตรึง ประตูที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ ดราม่าวินาศสันตะโร และเกมคุณภาพที่ยอดเยี่ยมมากมาย

ไล่เรียงตั้งแต่ ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก และ ลา ลีกา ทั้งหมดนั่นถูกจารึกเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลและจะไม่ถูกลืมเลือน เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลมีความหมายต่อเหล่าแฟนบอลทั่วโลก

และเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 10 ปีของ 90min เราจึงหยิบยก 10 เกมการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษดังนี้


10. บาร์เซโลนา 2-2 เชลซี เมษายน 2012

Cesc Fabregas, Frank Lampard
FC Barcelona v Chelsea FC - UEFA Champions League Semi Final / Shaun Botterill/GettyImages

เชลซี เป็นหนึ่งในทีมหัวแถวของยุโรปในช่วงไม่กี่ก่อนหน้านี้ แต่นั่นไม่ใช่สถานะของพวกเขาในปี 2012 เมื่อทีมอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ในขณะที่ บาร์เซโลนา อยู่ในช่วงครองความยิ่งใหญ่กับการเป็นทีมชุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์ลูกหนัง

ฤดูกาลดังกล่าวยังเป็นซีซันที่ ลิโอเนล เมสซี ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดกับสถิติ 73 ประตูตลอดการแข่งขัน 2011/12 แต่ถึงอย่างนั้นทัพ สิงห์บลู ก็ออกสตาร์เลกแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยการคว่ำ บาร์ซา เอาชนะพวกเขาได้สำเร็จ ก่อนที่จะสามารถไปยันเสมอ 2-2 ที่ คัมป์นู จากประตูของ เฟร์นันโด ตอร์เรส

9. ลิเวอร์พูล 4-0 บาร์เซโลนา พฤษภาคม 2019

Divock Origi
Liverpool v Barcelona - UEFA Champions League Semi Final: Second Leg / Clive Brunskill/GettyImages

ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแรกในรูปแบบการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นทีมแรกหากนับรวมตั้งแต่ ยูโรเปี้ยนคัพ 1986 ที่สามารถพลิกสถานการณ์จากการเป็นฝ่ายตามหลัง 3-0 ในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศกลับมาเอาชนะคู่ต่อสู้ กลายเป็นทีมเข้าชิงฯ สำเร็จ

หงส์แดง ที่ไร้คีย์แมนอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต้ ฟิร์มิโน สร้างเทพนิยายโดย ดิว็อค โอริกี รับบทพระเอกจากการพังประตูเบิกร่องและประตูชัยปิดท้ายทำให้ แอนฟิลด์ แทบจะพังทลายจากการดีใจของเหล่า เดอะค็อป ในนั้น

8. สเปน 1-5 เนเธอร์แลนด์ มิถุนายน 2014

Robin van Persie
Spain v Netherlands: Group B - 2014 FIFA World Cup Brazil / Jeff Gross/GettyImages

ทีมชาติ สเปน เดินหน้าสู่ ฟุตบอลโลก 2014 ด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ ยูโร 2012, แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และ แชมป์ ยูโร 2008

ไม่มีใครคาดคิดว่าทัพ กระทิงดุ จะเปิดหัวด้วยการปราชัยต่อ เนเธอร์แลนด์ แบบขาดลอยขนาดนี้ โดยประตูที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ทำได้จากการลอยตัวโขกสุดสวยยังได้รับรางวัล ปุสกัส อวอร์ด ในปีดังกล่าว

สเปน ลงเอยด้วยการจบอันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่ม ร่วงรอบแรก ฟุตบอลโลก ขณะที่ทัพ อัศวินสีส้ม เข้าป้ายคว้าอันดับที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์

7. เรอัล มาดริด 2-3 บาร์เซโลนา เมษายน 2017

FBL-ESP-LIGA-REALMADRID-BARCELONA
FBL-ESP-LIGA-REALMADRID-BARCELONA / OSCAR DEL POZO/GettyImages

เอล กลาซิโก้ ที่ ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว ในปี 2017 เป็นหนึ่งในการพบกันระหว่าง บาร์เซโลนา กับ เรอัล มาดริด ที่สถานการณ์ตึงเครียดที่สุดในรอบหลายปี

ราชันชุดขาว มีแต้มนำเป็นจ่าฝูง คั่วแชมป์ ลา ลีกา สมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2012 โดยนำ บาร์ซา ในอันดับที่ 2 อยู่ 3 คะแนน แต่การปราชัยคารังต่ออริตัวฉกาจของพวกเขาก็ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์กลับมาเท่ากันอีกครั้ง โดยคนยิงประตูชัยของพลพรรค อาซูลกรานา เป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจาก ลิโอเนล เมสซี นั่นเอง

6. แมนฯ ซิตี้ 4-3 สเปอร์ส เมษายน 2019

Pep Guardiola
Manchester City v Tottenham Hotspur - UEFA Champions League Quarter Final: Second Leg / Marc Atkins/GettyImages

หลังจากที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาในฤดูกาลก่อนหน้านี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งความไว้หวังสูงกับฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซันถัดมาโดยมี สเปอร์ส เป็นก้างขวางคอในรอบก่อนรองชนะเลิศ

ความพ่ายแพ้ของ ซิตี้ 1-0 ในเลกแรกทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากโหมบุกเพื่อกำชัยเหนือ ไก่เดือยทอง ให้ได้ในเลกที่ 2 ใน ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เกมเข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้ายกับสกอร์ 4-3 ที่ เรือใบสีฟ้า เป็นฝ่ายนำ แต่พวกเขาต้องการอีกประตูเมื่อ สเปอร์ส ได้เปรียบจากกฎประตูทีมเยือน

ราฮีม สเตอร์ลิง สร้างปาฏิหาริย์ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายในช่วงท้ายและดูเหมือนจะเป็นประตูส่ง ซิตี้ สู่รอบตัดเชือกทว่าถูก VAR ปฎิเสธและจบเกมด้วยชัยชนะของลูกทีม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ด้วยอเวย์โกล

5. อาแจ็กซ์ 2-3 สเปอร์ส พฤษภาคม 2019

Lucas Moura
Ajax v Tottenham Hotspur - UEFA Champions League Semi Final: Second Leg / Dan Mullan/GettyImages

หลังจากที่ สเปอร์ส โกงตายมาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฤดูกาลดังกล่าวเมื่อบด แมนฯ ซิตี้ มาได้ด้วยกฎประตูทีมเยือน พวกเขาสร้างความหัศจรรย์ในครึ่งหลังของเลกที่ 2 ใน โยอัน ครัฟฟ์ อารีนา

2 ประตูที่ อาแจ็กซ์ ทำได้ในครึ่งแรกทำให้สกอร์รวมอยู่ที่ 3-0 ทุกอย่างเข้าทางเจ้าถิ่น แต่แล้วการไล่ตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วในครึ่งหลังโดย ลูคัส มูรา ตั้งแต่นาทีที่ 55, 59 ทำให้เกมคงความเข้มข้นจนถึงนาทีสุดท้าย และเราหมายถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ

ลูคัส ซัดแฮตทริคสำเร็จในนาทีที่ 90+6 พา สเปอร์ส ดับ อาแจ็กซ์ ชุดโกลเด้นเจเนเรชันด้วยกฎประตูทีมเยือน กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

4. บาร์เซโลนา 2-8 บาเยิร์น มิวนิค สิงหาคม 2020

TOPSHOT-FBL-EUR-C1-BARCELONA-BAYERN MUNICH
TOPSHOT-FBL-EUR-C1-BARCELONA-BAYERN MUNICH / MANU FERNANDEZ/GettyImages

การแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศของฤดูกาล 2019/20 ถูกบีบให้เหลือการแข่งขันเพียงนัดเดียวชี้ชะตาที่สนามกลาง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 และมันกลายเป็นหนึ่งในเกมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์ซา ถึงขนาดที่ ลิโอเนล เมสซี ร้องขอต้นสังกัดย้ายทีมไม่นานหลังจากนั้น

ทัพ เสือใต้ ใส่สกอร์ไม่เลี้ยงใส่ อาซูลกรานา 4 ประตูตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก ก่อนจะรัวยิงอีก 4 ประตูในครึ่งเวลาหลัง

บาเยิร์น มิวนิค ลงเอยด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลดังกล่าวเมื่อดับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในนัดชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 1-0

3. แมนฯ ซิตี้ 3-2 คิวพีอาร์ พฤษภาคม 2012

Manchester City's Argentinian striker Se
Manchester City's Argentinian striker Se / PAUL ELLIS/GettyImages

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นนัดสุดท้ายของศึก พรีเมียร์ลีก 2011/12 ด้วยเงื่อนไขที่ว่าชัยชนะในเกมนี้จะทำให้การรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดเป็นระยะเวลา 44 ปีสิ้นสุดลง

การณ์กลายเป็นว่า ซิตีเซนส์ ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปก่อนที่สกอร์ 2-1 แต่แล้วประตูตีเสมอ 2-2 โดย เอดิน เซโก้ ในนาทีที่ 90+1 ก็ต่อลมหายใจให้กับ เรือใบสีฟ้า กระทั่ง เซร์คิโอ อเกวโร กลายเป็นฮีโร่ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายของเกม กระชากถ้วยแชมป์จากอริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาครองสำเร็จ

2. บาร์เซโลนา 6-1 เปแอสเช มีนาคม 2017

Sergio Roberto
FC Barcelona v Paris Saint-Germain - UEFA Champions League Round of 16: Second Leg / Laurence Griffiths/GettyImages

การคัมแบ็คของ บาร์เซโลนา ในเกมนี้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่มันมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ลา เรมอนตาดา (La Remontada) ที่ในบริบทนี้หมายความว่า 'การกลับมา'

ทัพ อาซูลกรานา ตกเป็นฝ่ายปราชัยด้วยสกอร์ขาดลอย 4-0 ในเลกแรกที่ ปาร์ก เด แปรงซ์ และจ่อที่จะกลายเป็นการตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบที่เร็วที่สุดหากนับช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้น

พวกเขาออกสตาร์ทในเลกที่ 2 กับถิ่น คัมป์นู ด้วยการเรียงคิวใส่สกอร์ 3-0 อย่างรวดเร็วทว่าถูก เอดินสัน คาวานี ตีไข่แตกทำให้งานของพวกเขายากขึ้นไปอีกเท่า

แต่ท้ายที่สุด การเร่งเครื่องซัลโว 2 ประตูหลังจากนั้นโดย เนย์มาร์ ก็ทำให้ บาร์ซา คึกจนถึงนาทีสุดท้ายและเป็น แซร์จี้ โรแบร์โต้ พังประตูปิดท้ายให้พวกเขาเข่น เปแอสเช ตกรอบสำเร็จ

1. บราซิล 1-7 เยอรมนี กรกฎาคม 2014

Brazil v Germany: Semi Final - 2014 FIFA World Cup Brazil
Brazil v Germany: Semi Final - 2014 FIFA World Cup Brazil / Buda Mendes/GettyImages

บราซิล มีความหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำให้การเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2014 ถูกเติมเต็มด้วยการคว้าแชมป์สำเร็จที่บ้านของตนเอง หลังจากอกหักมาในปี 1950 กับนัดชิงชนะเลิศกับ อุรุกวัย

ทุกอย่างดูจะเป็นใจให้กับพลพรรค เซเลเซา นับตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์ กระทั่งโปรแกรมการแข่งขันงวดเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเมื่อมี เยอรมนี ขวางทางพวกเขา

การไร้ เนย์มาร์ คีย์แมนที่ได้รับบาดเจ็บ ไปจนถึงการขาด ติอาโก้ ซิลวา ทำให้เกมตกเป็นของทัพ อินทรีเหล็ก โดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่อาจต้านทานความร้อนแรงของ เยอรมนี ได้ถึงขนาดที่เสีย 5 ประตูตั้งแต่ 29 นาทีแรกของเกม


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด