วูล์ฟส์ 0-1 ลิเวอร์พูล: ชำแหละ 5 ประเด็นสำคัญหลังเกมสุดมันส์ที่ โมลินิวซ์
โดย โตมร นวลประเสริฐ
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: คืนวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2021
เวลาแข่งขัน: 22:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน: วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1 ลิเวอร์พูล
สนาม: โมลินิวซ์
1. เกมเบ็ดเสร็จของ ลิเวอร์พูล
หงส์แดง เป็นฝ่ายครองเกมเบ็ดเสร็จตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มต้นแม้ว่าจะต้องรอโอกาสจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บกว่าที่พวกจะเจาะตาข่ายพลพรรค หมาป่า สำเร็จก็ตาม ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ สร้างจังหวะจบสกอร์ได้อย่างต่อเนื่องโดยมีช็อตถนัดถนี่ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าความไม่เด็ดขาดพอก็ทำให้พวกเขาต้องอดทนรอจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บกว่าจะได่ประตูขึ้นนำ
เกมดูจะหวาดเสียวสำหรับสาวก เดอะค็อป อยู่บ้างกับช็อตสวนกลับของเจ้าถิ่นแต่พวกเขาก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงดีเอ็นเอของผู้ชนะให้เห็นจากการตัดสินใจเปิดหน้าแลกของ คล็อปป์ เมื่อเปลี่ยนเอา ดิว็อค โอริกี ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม ก่อนที่หัวหอกชาว เบลเยียม จะนำมาซึ่งประตูชัยในที่สุด
2. โชต้า พลาดโอกาสทอง
ดิโอโก้ โชต้า กลายเป็นนักเตะที่ได้สับไกยิงมากที่สุดในสนาม (ร่วมกับ ติอาโก้) 4 ครั้งโดย 2 ครั้งในนั้นคือโอกาสทองโหม่งเหน่งๆ ในครึ่งแรกและการหลุดไปยิงติดบล็อกของแข้งเจ้าถิ่นที่เส้นประตูอย่างไม่น่าเชื่อ
เจ้าตัวยังคงความกระตือรือล้น วิ่งส่ายหาพื้นที่ ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย เพียงแต่วันนี้อาจไม่ใช่เกมของหัวหอกทีมชาติ โปรตุเกส
3. อดามา ตราโอเร สร้างปัญหาอย่างต่อเนื่อง
แนวทางของ วูล์ฟส์ ภายใต้การคุมทัพของ บรูโน ลาช ชัดเจนตั้งแต่ต้นคือการตั้งรับให้เหนียวแน่นและสวนกลับเร็วโดยมีเป้าหมายให้ อดามา ตราโอเร วิ่งไล่กวดบอลกับแนวรับทีมเยือน
รูปแบบดังกล่าวเกือบจะกลายเป็นหมัดน็อค หงส์แดง เมื่อ อดามา สร้างปัญหาให้กับพวกเขาตลอดทั้งเกม ขาดแต่เพียงการเคลื่อนที่ของเพื่อนร่วมทีมเพื่อสอดประสานในการเคาท์เตอร์
4. จุดเปลี้ยนอาการเดี้ยงของ อิต นูรี
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ วูล์ฟส์ รอดพ้นจากการเสียประตูกว่า 90 นาทีคือ รายาน อิต นูรี วิงแบ็คฝั่งซ้ายของพวกเขาที่ประกบติด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้อยู่หมัดจนสตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ไม่ได้ลากจี้สร้างอันตรายมากอย่างที่เคย กระทั่งเจ้าตัวมีอาการตะคริวขึ้นจนไม่สามารถเล่นต่อไหว และถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 90+2 ก่อนจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมในที่สุด
คี-จานา โฮเวอร์ ถูกเปลี่ยนตัวลงมายืนตำแหน่งดังกล่าวแทนที่ และเป็นเขาที่ประกบ ซาลาห์ ห่างจนถูกกระชากหนีกลายเป็นที่มาของประตูโทนโดย ดิว็อค โอริกี ในเกมนี้
5. มหาเทพ โอริกี
ราวกับรูปเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ ดิว็อค โอริกี รับบทพระเอก เขาถูกส่งลงสนามแทนที่ เฮนเดอร์สัน เมื่อเกมเหลือเวลาอีกราว 20 นาที ปักหลักที่แดนหน้าเป็นอีกทางเลือกในการจบสกอร์ของ หงส์แดง และกลายเป็น โอริกี ที่สังหารประตูชัยให้กับ ลิเวอร์พูล ในนาทีที่ 90+4' ในที่สุด