Rises of the Young Guns : บทพิสูจน์ฝีเท้า "วัยรุ่นลอนดอน"
หลังจบเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 28 สิงหาคม 2021 อาร์เซนอล พ่าย 5-0 ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ เวลานั้น หากใครบอกว่า อาร์เซนอล จะกลับมาลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบเต็มตัว คนนั้นคงโดนกล่าวหาว่า โลกสวยในทุ่งลาเวนเดอร์อย่างแน่นอน
19 ธันวาคม 2021 เกือบ 4 เดือนหลังจากความวายป่วงในวันนั้น อาร์เซนอล อยู่ในอันดับ 4 ของพรีเมียร์ ลีก และพวกเขาทำงานของตนเองเสร็จแล้ว ที่เหลือไปรอลุ้นว่าผู้ตามทั้งหลายที่มีปัญหาโควิด-19 จนต้องเลื่อนเกมกันจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน เมื่อกลับมาลงเล่นอีกครั้ง แต่สำหรับ อาร์เซนอล งานของพวกเขาขาดเพียงอีก 1 เกมจะผ่านหลัก “ครึ่งทาง” ของพรีเมียร์ ลีก อย่างเป็นทางการ
18 เกม ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 6 32 คะแนนจาก 54 คะแนน น่าพอใจหรือไม่สำหรับแฟนบอล แล้วแต่ใครจะมอง แต่สำหรับผลงานในสนามของทีมในช่วงสามเกมที่ผ่านมาต้องบอกว่า สิ่งที่ อาร์เตต้า และทีมงานพยายามทำกันมาตลอดเริ่มเบ่งบานขึ้นเรื่อย ๆ
อาร์เซนอล 2021-2022 ถูกปรามาสตั้งแต่ยังไม่ลงสนามในเรื่องของทั้ง ผู้เล่น และประสบการณ์ของโค้ช แน่นอนเมื่อคุณแพ้สามเกมติดต่อกันในสามเกมแรกของฤดูกาล เสียงขับไล่ก็ดังไปทั่ว และถึงวันนี้เกมไหนแพ้ #ArtetaOut หรือ “มือไม่ถึง”“อ่อนประสบการณ์” ก็จะมีให้เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ล่าสุดที่พวกเขาแพ้ เอฟเวอร์ตัน เป็นเครื่องยืนยันได้ดี
เกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด อาร์เซนอล ได้บทพิสูจน์อีกครั้งในเรื่องของเกมเยือน ก่อนเกมนี้ลงเล่นไปแล้ว 8 เกม ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 5 ซึ่งสวนทางกับเกมเหย้าที่ลงเล่น 9 เกม ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 1 เรียกว่าในบ้านของพวกเขาไว้ใจได้เสมอ ถ้าไม่แน่จริง จ๋งจริงมาโค่นพวกเขายาก
การจัดทีมของ มิเคล อาร์เตต้า สามเกมหลังสุดใช้ผู้เล่นชุดเดิมตลอด แสดงให้เห็นว่าทีมกำลังมีความลงตัว และเข้ากับระบบได้ดี ท่ามกลางปัญหาของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีความชัดเจน แต่ทีมก็เดินหน้าต่อไปได้
“ความต่างของความพร้อม”
ด้วยระบบการเล่น 4-2-3-1 ที่มีการปรับเปลี่ยนไปเป็น 4-4-1-1 หรือ 4-4-2 มาแล้วแต่เกม แล้วแต่การขึ้นเกม ทำให้ อาร์เซนอล ช่วงนี้มีความหลากหลายอย่างมาก ทางเลือกนักเตะมีให้ครบ ขาดเพียง โอบาเมยอง ที่หลุดทีมด้วยเรื่องวินัย และ เซอัด โคลาซินัค ที่บาดเจ็บพักยาวไปแล้ว และล่าสุด แซมบี้ โลกอนก้า กับ ปาโบล มารี โชคร้ายติดโควิด-19 นอกนั้นพร้อมเป็นทางเลือกให้ทีมทั้งหมด สวนทางกับ ลีดส์ ที่ก่อนเกมนี้ พวกเขามีนักเตะเจ็บหลายคน จนถึงขั้นต้องใช้นักเตะเยาวชนของทีมขึ้นมาเป็นสำรองแทน และหลายคนเกมนี้ประเดิมสนามเกมแรกในพรีเมียร์ ลีก
รูปเกมใน 45 นาทีแรกเห็นความต่างชัดเจน อาร์เซนอล เดินเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรก นักเตะเล่นกันมุ่งมั่น มีความกระหายลงเล่น ตรงนี้คือสิ่งที่เห็นมาตลอดหลายเกมหลังสุด หลังความพ่ายแพ้เอฟเวอร์ตันแบบที่น่าโดนด่า การชนะสองเกมในบ้านตัวเองเรียกความมั่นใจกลับมาได้เยอะ ตรงข้ามกับ ลีดส์ ที่ตัวสำรองเยอะ ตัวหลักเจ็บ และบางคนเป็นการจับคู่กันลงตัวจริงเพียงไม่กี่เกมก่อนเกมนี้ สิ่งที่ออกมาคือ ความไม่เข้าใจในเกมมากพอ ทำให้พวกเขามีปัญหาตั้งแต่ในทีมตนเองแล้ว พอมาเจอ อาร์เซนอล กำลังเข้าฟอร์มทั้งผลงานทีม และผลงานตัวรุกในทีม ความต่างมันเห็นชัดมาก หาก อาร์เซนอล คมกว่านี้ เกมขาดไปมากกว่านี้แล้ว
นั่นคือเหตุที่ว่าทำไมเวลามีการหมุนเวียนนักเตะมากเกินไป ทีมมักมีปัญหาอย่างเช่นการเล่นบอลถ้วยต่าง ๆ เป็นต้น ทุกทีมจะเจอสถานการณ์คล้าย ๆ กันหมด ดังนั้นระยะหลังทุกสโมสรจะให้ความสำคัญในการเลือกทีม โดยมองถึงสมดุลของทีมเป็นสำคัญด้วย เพื่อไม่ให้รูปทรงการเล่นของทีมมันเปลี่ยนไปมากนัก
“ความสม่ำเสมอในสมาธิ และความมุ่งมั่น”
อาร์เซนอล ในระยะหลัง อาร์เตต้า เน้นย้ำมากว่าพวกเขาต้องเหี้ยมกว่านี้ในการเข้าทำ นับจากเกมเสมอกับ คริสตัล พาเลซ ในบ้าน 2-2 ซึ่งเกมนั้นคือเกมล่าสุดในบ้านตนเองที่ อาร์เซนอล ไม่ได้คะแนน ทีมมีความพยายามในเรื่องนี้อย่างยิ่ง ในการที่จะไม่ผ่อนเกม มองหาประตูเพิ่มให้ได้ ซึ่งเกมนี้ 45 นาทีแรกชัดเจน ยิงนำเร็วก็ยังเดินหาประตูเพิ่มเติม และมันก็ไหลมาเรื่อย ๆ ซึ่งตรงนี้ ต้องบอกว่า อาร์เซนอล ทำได้ดีแค่ครึ่งเดียวในเกมนี้
ปัญหาตรงนี้มองเห็นเป็นเหมือนเหรียญสองด้านเลยในเกมนี้ จบ 45 นาทีแรก อาร์เซนอล ลงมาครึ่งหลัง พวกเขาไม่เหมือนครึ่งแรก พวกเขาไม่มาเดินหาประตูต่อไป แต่พวกเขาเลือกรอคอยการดันเกมขึ้นมาของ ลีดส์ แทนตรงนี้ทำให้ 20-25 นาทีแรกของครึ่งหลัง ลีดส์ ได้โอกาสในการครองบอลเยอะกว่าเดิม กอปรกับการที่มีจังหวะเข้าบอลหนักในช่วง 4-5 นาทีของครึ่งหลังที่ กรานิท ชาก้า เข้าบอลไปที่ข้อเท้าของ ราฟินญ่า นักเตะคนสำคัญของเจ้าบ้าน และไม่โดนกระทั่งใบเหลือง ก็ทำให้ ลีดส์ มีความฮึกเหิม ไม่พอใจ และต้องการเอาคืน มีการเข้าบอลหนักมากขึ้น และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ก็คือเหยื่ออารมณ์ตรงนั้นจนสุดท้ายเล่นไม่จบเกม กับปัญหาที่กล้ามเนื้อบริเวณน่อง
มอง 45 นาทีแรกความมุ่งมั่นของ อาร์เซนอล กับ 45 นาทีกับความมุ่งมั่นของนักเตะ ลีดส์ ส่วนตัวมองว่าไม่แตกต่างกันเลย แต่คุณภาพของนักเตะ การเล่นเป็นทีมที่ยังไม่มีคุณภาพมากพอต่างหากที่ทำให้พวกเขากลับมาไม่ได้
การเสียจุดโทษในเกมนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าเสียดาย จากรูปเกมที่เนือยลงไปของทีมเยือน และความมุ่งมั่นของเจ้าบ้าน จังหวะนี้ก็เกิดขึ้น มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิด เมื่อทีมนำห่างสามประตู และคู่แข่งส่วนใหญ่ของคุณคือ นักเตะดาวรุ่งที่เกมนี้คือเกมแรก หรือเกมแรก ๆ ของพวกเขาในทีมชุดใหญ่เสียด้วย การเข้าบอลของ เบนจามิน ไวท์ จังหวะนี้ผิดพลาดไม่ต้องโทษใคร และ ลีดส์ ได้รางวัลตอบแทนจากความมุ่งมั่น
หลังการเสียประตูลีดส์พยายามเร่ง เพราะหากเป็น 2-3 เมื่อไร อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่สุดท้ายการเปลี่ยนตัวสำรองของ อาร์เซนอล ได้ผลกว่า เอมิล สมิธ โรว์ ลงมาแทนที่ของ ซาก้า ช่วงท้ายเกม กลายเป็นตัวทีเด็ด ดับความหวังของลีดส์เรียบร้อย
อาร์เซนอล ได้สามคะแนนในแบบที่ผลงานน่าพอใจ มิเคล อาร์เตต้า ออกมาสัมภาษณ์ส่วนมากก็ชมนักเตะที่ทำงานกันได้ดี แต่ก็ยังติติงเรื่องของเกมครึ่งหลังที่เนือยมากเกินไป จนกลายเป็นเสียประตู แต่ก็ยังไม่ทำให้ชัยชนะหลุดมือไปด้วย ว่ากันใหม่เกมต่อไป
“ทีมที่กำลังลงตัว”
ชัยชนะในเกมนี้ ตอกย้ำว่า อาร์เซนอล กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง ทีมดาวรุ่งของ อาร์เตต้า เข้าใจในสิ่งที่เจ้านายต้องการ และเล่นกันได้เข้าขาลงตัว มองแล้วชวนให้คิดถึง ลีดส์ ยูไนเต็ด เวอร์ชั่น “เด็กนรก” ในปี 2000 ที่พวกเขามีทั้ง แฮร์รี่ คีเวลล์, ลี โบว์เยอร์, โจนาธาน วู้ดเกต, เอียน ฮาร์ท และดาวรุ่งอีกหลายคนในทีม มีตัวประสบการณ์อย่าง ไนเจล มาร์ติน, ลูคัส ราดาเบ้ หรือว่า มาร์ค วิดูก้า เป็นทีมที่เล่นสนุกมากทีมหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่อยู่กันไม่นาน เพราะปัญหาการเงิน ทำให้ทีมต้องล่มสลายไปในเวลาเพียง 2-3 ปีหลังจากนั้น
อาร์เซนอล ชุดนี้คือโปรเจคต์สร้างทีมระยะสั้น-กลาง ของ อาร์เตต้า และ เอดู กาสปาร์ บนความร่วมมือและเห็นชอบโดย บอร์ดบริหารของทีม ที่เหมือนที่บอกข้างต้นว่า พวกเขาเจอปรามาสตั้งแต่แรก และโดนวิจารณ์อย่างหนักหลังความพ่ายแพ้รวดสามเกมแรกในลีก จนมาวันนี้ที่ฟอร์มกำลังสวยสด แต่ตราบใดที่ฤดูกาลยังไม่จบ อาร์เซนอล ยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย แม้จะมีดาวรุ่งขึ้นมาปล่อยของกันอย่างน่าสนใจแค่ไหนก็ตาม แต่ทีมจะแข็งแรงและอยู่กันได้นาน ต้องมีความสำเร็จมาเป็นตัวเชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกัน
“วัยรุ่นลอนดอน” ฉายาที่แฟนปืนในไทยเรียกทีมตัวเองในเวลานี้ ยังไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดในลีก แต่พวกเขาคือทีมที่เด็กที่สุดในลีก และพวกเขากระหายที่จะท้าทายความสามารถของตัวเองว่าจะไปได้จนถึงจุดไหนในฤดูกาลนี้ พร้อมกับลบคำดูถูกมากมายที่เข้ามาตั้งแต่ อาร์เตต้า (โค้ชมือไม่ถึง) - แรมสเดล (นายทวารตกชั้นสองปีติด) - โทมิยาสุ (กองหลังขายเสื้อ) - เบน ไวท์ (แพงเกินจริง) – เออเดการ์ด (ก็แค่สำรองที่เรอัล มาดริด) - ลากาแซตต์ (หมดสภาพแล้ว) และอีกหลายคนที่มารวมกันในเวลานี้ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของทีม ซึ่งปีนี้พวกเขามองถึงการกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้เป็นครั้งแรกนับจากปี 2017 เป็นต้นมา
"“เราอยู่ในเส้นทาง แต่มันก็เป็นเส้นทางที่ไกลมาก ยังเหลืออีกหลายเกมที่ต้องลงเล่น และมันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ทั้งสิ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราตอนนี้อยู่ในเส้นทางที่เราต้องการเดินหน้าต่อไป และเราต้องการพัฒนาทีมของเราต่อไป ต้องเล่นให้ดีกว่านี้ ดีกว่านี้อีก ที่เหลือก็มารอดูผลงาน” "
- มิเคล อาร์เตต้า
อีก 5 เดือนต่อจากนี้ เราจะได้รู้กันว่า พวกเขาจะไปอยู่ตรงจุดไหน และก็หวังว่า โควิด-19 จะเข้าใจ ไม่มาเบรกการแข่งขันที่กำลังสนุกตื่นเต้นในฤดูกาลนี้ไปเสียก่อน
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด