เรือใบ ฟอร์มดุ, เมสซี กด 2, หงส์แดง หืดจับ - สรุปผล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คืนวันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2021

Paris Saint-Germain v RB Leipzig: Group A - UEFA Champions League
Paris Saint-Germain v RB Leipzig: Group A - UEFA Champions League / Xavier Laine/GettyImages
facebooktwitterreddit

ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดที่ 3 รอบแบ่งกลุ่มคืนวันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2021 มีสองทีมจาก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลงทำการแข่งขัน โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่ม คลับ บรูช ขาดลอย 1-5 และ ลิเวอร์พูล บุกเฉือน แอตเลติโก มาดริด 10 คน 2-3 ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น ๆ มีดังนี้


กลุ่ม เอ

คลับ บรูช 1-5 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (คันเซโล 30, มาห์เรซ 43, วอลเกอร์ 53, พัลเมอร์ 67, วานาเคน 81, มาห์เรซ 84)

เรือใบสีฟ้า ครองเกมได้เหนือกว่าตามฟอร์มและออกนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 30 จาก ชูเอา คันเซโล ก่อนทีนาทีที่ 43 พวกเขาจะได้จุดโทษและเป็น ริยาด มาห์เรซ ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด หลังจากเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 8 นาทีทีมเยือนมาได้ลูกที่สามจาก ไคล์ วอล์เกอร์ นาทีที่ 67 บวกลูกที่ 4 จากแข้งดาวรุ่งอย่าง โคล พัลเมอร์ ที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรอง ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นมาตีไข่แตกได้สำเร็จจาก ฮานส์ วานาเคน ก่อนที่นาทีที่ 84 ริยาด มาห์เรซ จะมายิงปิดกล่องให้ แมนฯ ซิตี้ บุกมาเอาชนะไปได้อย่างขาดลอย 1-5

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-2 แอร์เบ ไลป์ซิก (เอ็มบัปเป้ 9, ซิลวา 28, มูคิเล 57, เมสซี 67, เมสซี 74)

เปแอสเช ออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 9 จาก คิเลียน เอ็มบัปเป้ หลังจากนั้น อังเดร ซิลวา มายิงตีไข่แตกให้ทีมเยือนนาทีที่ 28 จนกระทั่งในครึ่งเวลาหลัง นอร์ดี มูคิเล ยิงให้ ไลป์ซิก แซงนำ 1-2 แต่แล้ว ลิโอเนล เมสซี ก็มายิงตีเสมอให้เจ้าบ้านได้สำเร็จในนาทีที่ 67 ท้ายเกมที่ ปารีสฯ จะมาได้จุดโทษในนาทีที่ 74 และเป็น เมสซี ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ช่วงทดเวลาเจ้าถิ่นมาได้จุดโทษอีกครั้งแต่ เอ็มบัปเป้ กลับยิงออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่นั่นก็เพียงพอให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เปิดบ้านคว้า 3 คะแนนมาได้สำเร็จ

Lionel Messi
Paris Saint-Germain v RB Leipzig - Group A - UEFA Champions League / BSR Agency/GettyImages

กลุ่ม บี

แอตเลติโก มาดริด 2-3 ลิเวอร์พูล (ซาลาห์ 8, เกอิต้า 13, กรีซมันน์ 20, กรีซมันน์ 34, ซาลาห์ 77)

หงส์แดง บุกมานำเร็วจาก โม ซาลาห์ ตั้งแต่นาทีที่ 8 และ นาบี เกอิต้า นาทีที่ 13 แต่หลังจากนั้นไม่นาน อ็องตวน กรีซมันน์ มายิงสองประตูไล่ตีเสมอให้ทีมได้ในนาทีที่ 20 และ 34 หลังจากเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 7 นาที กรีซมันน์ ผู้ทำประตูมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปทำให้เจ้าถิ่ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน หลังจากนั้นทีมเยือนพยายามบุกอย่างหนักจนมาได้จุดโทษในนาทีที่ 77 และเป็น ซาลาห์ เจ้าเก่าที่ยิงเข้าไปช่วยให้ หงส์แดง บุกมาคว้า 3 คะแนนรั้งจ่าฝูงของกลุ่มต่อไป

เอฟซี ปอร์โต้ 1-0 เอซี มิลาน (ดิอาซ 65)

เกมนี้ดูจะเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่าพอสมควรตั้งแต่ในช่วงต้นเกม รวมถึงสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากกว่าแต่ยังเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้ในช่วง 45 นาทีแรก กระทั่งครึ่งเวลาหลังความพยายามก็เป็นผลเจ้าถิ่นมาได้ประตูออกนำจาก หลุยส์ ดิอาส และเป็นประตูชัยที่ทำให้พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ ปีศาจแดงดำ ไปได้ 1-0

Atletico Madrid vs Liverpool - UEFA Champions League
Atletico Madrid vs Liverpool - UEFA Champions League / Anadolu Agency/GettyImages

กลุ่ม ซี

เบซิคตัส 1-4 สปอร์ติง ลิสบอน (โคอาเตส 15, ลาริน 24, โคอาเตส 27, ซาราเบีย 44, เปาลินโญ 89)

เริ่มเกมไปได้เพียง 15 นาทีทีมเยือนบุกมานำก่อนจาก เซบาสเตียน โคอาเตส แต่หลังจากนั้นไม่นานาทีที่ 24 ไคล์ ลาริน มาตีเสมอให้ เบซิคตัส ได้สำเร็จ 3 นาทีต่อมา โคอาเตส คนเดิมยิงให้ สปอร์ติง ออกนำอีกครั้ง ก่อนที่ช่วงท้ายครึ่งแรกผู้มาเยือนจะได้จุดโทษและเป็น ปาโบล ซาราเบีย ที่สังหารเข้าไป ครึ่งหลังเจ้าถิ่นพยายามโหมบุกอย่างหนักแต่ก็ยังทำได้แค่เกือบจนกระทั่งนาทีที่ 89 เปาลินโญ ยิงปิดกล่องให้ สปอร์ติง ลิสบอน บุกมาเอาชนะไปได้แบบท่วมท้น 1-4

อาแจ็กซ์ 4-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (รอยส์ og 11, บลินด์ 25, แอนโทนี 57, อัลแลร์ 72)

อาแจ๊กซ์ ออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 11 จังหวะที่ มาร์โก รอยส์ สะกัดลูกฟรีคิกเข้าประตูตัวเอง จากนั้นนาทีที่ 25 ดาลีย์ บลินด์ ยิงให้เจ้าบ้านนำห่าง 2-0 ต่อมาแม้ทีมเยือนจะพยายามหาจังหวะเข้าทำแต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าบ้านได้ จนในนาทีที่ 57 แอนโทนี มายิงลูกที่ 3 ให้ อาแจ็กซ์ นำขาด ก่อนที่ เซบาสเตียน อัลแลร์ จะยิงปิดกล่องให้ยอดทีมจาดฮอลแลนด์เก็บ 3 คะแนนในบ้านไปได้สบาย ๆ 4-0

Daley Blind, Edson Alvarez, Jurrien Timber, Lisandro Martinez
Ajax v Borussia Dortmund - UEFA Champions League / Soccrates Images/GettyImages

กลุ่ม ดี

อินเตอร์ มิลาน 3-1 เชริฟฟ์ เอฟซี (เซโก้ 34, ธิลล์ 52, วิดัล 58, เดอ ไฟร์จ 67)

เจ้าบ้านโหมบุกอย่างหนักตั้งแต่ต้นเกม จนมาได้ประตูออกนำจาก เอดิน เซโก้ นาทีที่ 34 จากนั้นครึ่งหลัง เซบาสเตียน ธิลล์ มาไล่ตีเสมอให้ทีมเยือนเป็น 1-1 ก่อนที่ อาตูโร วิดัล จะมายิงให้ งูใหญ่ ออกนำอีกครั้งในนาทีที่ 58 และหลังจากนั้น 9 นาที สเตฟาน เดอ ไฟร์จ มายิงปิดท้ายให้เจ้าบ้านเอาชนะคว้าชัยเกมแรกใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ไปได้สำเร็จ

ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ 0-5 เรอัล มาดริด (คริฟต์ซอฟ og 37, วินิซิอุส 51, วินิซิอุส 56, โรดรีโก้ 65, เบนเซมา 90+1)

ราชันชุดขาว คืนฟอร์มเก่งโดยบุกมานำก่อนในนาทีที่ 37 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ เซอร์เกย์ คริฟต์ซอฟ ก่อนที่จะมาบวก 4 ลูกรวดในครึ่งหลังจาก วินิซิอุส จูเนียร์ นาทีที่ 51 และ 56 โรดรีโก้ นาทีที่ 65 และ คาริม เบนเซมา มายิงประตูย้ำชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังช่วยให้ เรอัล มาดริด บุกมาคว้า 3 คะแนนกลับไปได้สำเร็จ


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด