4 เส้นทางที่ต้องเลือกของ ราฮีม สเตอร์ลิง หลังศึก ยูโร 2020 - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
ข่าวที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมแยกทางกับ ราฮีม สเตอร์ลิง นั้นสร้างความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามในตลาดซื้อขายนักเตะได้มากพอสมควร เพราะนี่ไม่ใช่ผู้เล่นระดับธรรมดา แต่เขาคือกองหน้าตัวจริงของทีมชาติอังกฤษและเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก มา 3 สมัย รวมทั้งยังเคยเป็นนักเตะคนสำคัญของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาแล้วด้วย
หลายสื่อบอกตรงกันว่า แมนฯ ซิตี้ ต้องการขายนักเตะบางคนออกจากทีมเนื่องจากพวกเขาต้องการสร้างทีมใหม่ที่มีความกระหายและทะเยอทะยานมากขึ้น เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่าง การเป็นแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยแรกของสโมสรให้จงได้
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการขาย สเตอร์ลิง ออกจากทีมจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของบรรดาบอร์ดบริหารหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเจ้าตัวก็ต้องเลือกทางเดินของตัวเองต่อไปในเมื่อกำลังจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม
มีหลายสโมสรที่ตกเป็นข่าวกับดาวเตะวัย 26 ปีซึ่งเจ้าตัวคงต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ โดยคาดว่าหลังจบศึก ยูโร 2020 เราคงจะได้รู้คำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
และนี่คือ 4 ทางเลือกของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่สื่อในอังกฤษคาดว่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในซัมเมอร์นี้
1. คืนรังที่ ลิเวอร์พูล
สเตอร์ลิง แยกทางกับ ลิเวอร์พูล ไม่สวยเท่าที่ควร หลังจากที่ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยราคา 49 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2015 ทำให้ เดอะค็อป ส่วนใหญ่ไม่คิดจะเผาผีอดีตดาวรุ่งของพวกเขาแม้ว่าเมื่อปีที่แล้วเจ้าตัวจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ามีโอกาสเขาก็อยากกลับ แอนฟิลด์ เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามอะไรก็เป็นไปได้ในโลกของฟุตบอล เมื่อทางฝั่ง หงส์แดง ก็ยังมีข่าวเกี่ยวกับการอนาคตของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน ซึ่งหากใครคนใดคนหนึ่งย้ายออกไป แน่นอนว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ต้องหาคนใหม่มาแทน
เป็นไปได้ว่า สเตอร์ลิง อาจจะได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง ซึ่งบอกเลยว่านี่จะเป็นการเสริมทัพที่สร้างความอันตรายให้กับเกมรุกของพวกเขาอย่างแน่นอน
2. สานฝันกับ เรอัล มาดริด
ยักษ์ใหญ่จาก ลาลีก้า เป็นแฟนตัวยงของ สเตอร์ลิง มาอย่างยาวนานและเป็นไปได้ว่าการย้ายไปเติมเต็มความฝันกับแชมป์ยุโรป 13 สมัยน่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวก็ต้องการด้วย
การโดนดองข้างสนามเมื่อช่วงท้ายซีซันยิ่งกระตุ้นต่อมความสนใจจาก ราชันชุดขาว ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็พร้อมที่จะรับฟังทุกข้อเสนอที่เข้ามา ทำให้ทีมจากสเปนน่าจะพอมีความหวังในช่วงซัมเมอร์นี้
อุปสรรคเดียวที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ร่วมงานกันนั่นคือ สถานภาพทางการเงินของ เรอัล มาดริด ที่โดนผลกระทบอย่างหนักจากภาวะโควิด-19 ซึ่งทำให้พวกเขาจะต้องจัดการโละนักเตะบางส่วนเพื่อระดมทุนในการเสริมทัพครั้งนี้
3. โกยแชมป์กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ขาใหญ่จากฝรั่งเศสมักจะมีข่าวกับนักเตะชื่อดังอยู่เสมอ และพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะติดตามดูสถานการณ์ของ สเตอร์ลิง อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ด้วยการที่เพิ่งพลาดแชมป์ ลีกเอิง มาเมื่อซีซันที่แล้ว เปแอชเช ยิ่งต้องเสริมทัพอย่างหนักหน่วงเพื่อกลับมาทวงบัลลังก์คืนในฤดูกาลหน้า และแน่นอนว่าชื่อของดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ คือหนึ่งในโปรเจ็คของพวกเขา
อนาคตที่ยังไม่แน่นอนของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ จะทำให้ เสตอร์ลิง มีโอกาสได้ย้ายไปประสานงานกับ เนย์มาร์ และบรรดานักเตะชั้นนำ รวมทั้ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ที่คุ้นเคยกันดีเมื่อตอนที่อยู่ พรีเมียร์ลีก แต่จะว่าไปความท้าทายใน ลีกเอิง อาจจะไม่ค่อยดึงดูดเท่าการย้ายไปสเปนก็ได้
4. ขอสู้ตายที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะประกาศพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอสำหรับกองหน้าวัย 26 ปีก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าอนาคตของเขาที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม จะจบลงเพียงเท่านี้
ถ้าไม่มีข้อเสนอที่ถูกใจหรือ เรือใบสีฟ้า ไม่สามารถโน้มน้าวให้ สเตอร์ลิง ย้ายสลับขั้วกับ แฮร์รี เคน ไป ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ได้ สโมสรก็จะไม่ขายเขาออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะเป็นโอกาสที่อดีตปีก ลิเวอร์พูล จะได้กลับมาทบทวนตัวเอง ก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก เพื่อกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงของทีมให้ได้ในซีซันหน้า
อย่าลืมว่า สเตอร์ลิง ก็เคยเป็นนักเตะคนโปรดของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาก่อน และเพิ่งจะมาฟอร์มตกเอาช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่ผ่านมานี้เอง ดังนั้นจึงยังมีโอกาสที่เขาจะเรียกศรัทธาจากนายใหญ่ชาวคาตาลันได้อีกครั้ง
ซึ่งถ้าเจ้าตัวฟอร์มดีกับทีมชาติอังกฤษในศึก ยูโร 2020 ก็ไม่แน่ว่า แมนฯ ซิตี้ อาจเปลี่ยนใจขอเก็บไว้อีกซักปีสองปีก็เป็นได้
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด