แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เรอัล มาดริด : พรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

The Real Madrid and Manchester City Club Badges
The Real Madrid and Manchester City Club Badges / Visionhaus/Getty Images
facebooktwitterreddit

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน - ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
วันแข่งขัน - คืนวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2020
เวลาแข่งขัน - 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2) พบ (1) เรอัล มาดริด
สนาม - เอติฮัด สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด - Goal.com Thailand


ความพร้อมของทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้
จบฤดูกาลใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่ผ่านมาได้ไม่ดีนัก ด้วยการทำได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยังคงเป็นรายการที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ พลพรรคแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาดหวังมากที่สุด ถึงแม้ว่าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้พวกเขาจะกุมความได้เปรียบจากการบุกไปเอาชนะ เรอัล มาดริด มาได้ถึง ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว 1-2 ในเกมแรก แต่ก็จะยังประมาทความแข็งแกร่งของผู้มาเยือนในเกมนี้ไม่ได้เป็นอันขาด

สภาพทีม ณ ปัจจุบัน มีเพียง เซร์คิโอ อเกวโร เพียงรายเดียวเท่านั้นที่ยังมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้ เช่นเดียวกับ เบนฌาแม็ง เมนดี้ ที่ติดโทษแบนจากการได้รับใบเหลืองครบตามโควต้า ส่วนผู้เล่นหลักรายอื่น ๆ ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกให้กับ เป๊ป ในเกมนี้ทั้งหมด

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู - เอแดร์ซอน
กองกลัง - วอล์คเกอร์, การ์เซีย, ลาปอร์ต, ซินเชนโก้
กองกลาง - โฟเด้น, กุนโดกัน, เดอ บรอยน์
กองหน้า - สเตอร์ลิง, เชซุส, มาห์เรซ

เรอัล มาดริด
ทีมของ ซีเนดีน ซีดาน มาฟอร์มแรงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะปาดหน้า บาร์เซโลนา เข้าวินเป็นแชมป์ ลาลีกา ในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ ส่วนในรายการนี้แน่นอนว่า ซิซู ขึ้นชื่อในเรื่องฟุตบอลถ้วย แม้จะเกมแรกพวกเขาจะถูก แมนฯ ซิตี้ บุกมาอัดถึงบ้าน 1-2 แต่หลังจากคว้าแชมป์ลีกมาได้คงช่วยเพิ่มความมั่นใจกับให้ พลพรรคราชันชุดขาว พอสมควร จึงคาดว่าว่าเกมนี้ มาดริด จะต้องเปิดหน้าแลกอย่างแน่นอน ซึ่งคงต้องวัดกันที่ใครที่จะผิดพลาดน้อยกว่ากันในเกมวันศุกร์นี้

ความพร้อมของทีมก่องลงทำการแข่งขัน ยังคงต้องรอเช็ดความฟิตของ เอเดน อาซาร์ และ มาร์เซโล ว่าจะผ่านมาฟิตก่อนเกมหรือไม่ ด้าน เซร์คิโอ รามอส ยังคงติดโทษแบนไม่สามารถลงสนามได้เช่นกัน ส่วน แกเร็ธ เบล ต้องมาลุ้นกันว่า ซีดาน จะยอมส่งชื่อของเขาเป็นหนึ่งในขุนพลเกมนี้หรือไม่

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู - กูร์ตัวส์
กองหลัง- มาร์เซโล, มิลิเตา, วาราน, คาร์บาฮาล
กองกลาง - โมดริช, กาเซมิโร, บัลบาร์เด้
กองหน้า - อเซนซิโอ, เบนเซมา, วินิซิอุส


ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1
26/07/20 PL – แมนฯ ซิตี้ 5-0 นอริช
22/07/20 PL – วัตฟอร์ด 0-4 แมนฯ ซิตี้
19/07/20 FA - อาร์เซนอล 2-0 แมนฯ ซิตี้
16/07/20 PL - แมนฯ ซิตี้ 2-1 บอร์นมัธ
12/07/20 PL - ไบรท์ตัน 0-5 แมนฯ ซิตี้

เรอัล มาดริด - ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0
20/07/20 LL – เลกาเนส 2-2 เรอัล มาดริด
17/07/20 LL – เรอัล มาดริด 2-1 บียาร์เรอัล
14/07/20 LL - กรานาด้า 1-2 เรอัล มาดริด
11/07/20 LL - เรอัล มาดริด 2-0 อลาเบส
15/07/20 LL - แอตฯ บิลเบา 0-1 เรอัล มาดริด

เฮดทูเฮด (แมนฯ ซิตี้ ชนะ 2 เสมอ 2 เรอัล มาดริด ชนะ 1)
27/02/20 UCL - มาดริด 1-2 แมนฯ ซิตี้
27/07/17 FL - แมนฯ ซิตี้ 4-1 มาดริด
05/05/16 UCL - มาดริด 1-0 แมนฯ ซิตี้
27/04/16 UCL - แมนฯ ซิตี้ 0-0 มาดริด
24/07/15 FL - แมนฯ ซิตี้ 1-4 มาดริด

*PL = พรีเมียร์ลีก / UCL = ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก / EFL = คาราบาวคัพ / FA = เอฟเอ คัพ / LL = ลาลีกา / CDR = โคปา เดล เรย์ / FL = กระชับมิตร


สถิติที่น่าสนใจ

  • เกมนี้จะเป็นนัดที่สามที่ทั้งสองทีมจะมาพบกันในสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งสองเกมก่อนหน้านี้จบลงด้วยผลเสมอทั้งหมด (1-1 ในปี 2012/13 และ 0-0 ในปี 2015/16)
  • เรอัล มาดริด สามารถบุกมาชนะในการมาเยือนทีมจากอังกฤษได้ 5 จากทั้งหมด 11 เกม โดยเอาชนะมาแล้ว 4 ทีมด้วยกันได้แก่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลีดส์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส ซึ่งหากพวกเขาเอาชนะได้ในเกมที่จะกลายเป็นทีมที่ 3 ที่สามารถบุกมาเอาชนะทีมจาก พรีเมียร์ลีก 5 ทีมต่อจาก บาเยิร์น มิวนิค (5) และ บาร์เซโลนา (7)
  • ในฟุตบอลยุโรปรอบน็อคเอาท์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ทั้งหมด (7 ครั้ง) หากพวกเขาบุกไปเอาชนะคู่แข่งมาในเกมแรก
  • ในรายการนี้ ราชัน ชุดขาว ไม่เคยพลิกกลับมาเข้ารอบได้เลยหากพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายคู่แข่งไปก่อนในเกมแรกนับตั้งแต่ปี 2015/16 แถมในประวัติศาสตร์สโมสรพวกเขายังตกรอบทุกครั้งหากเป็นฝ่ายแพ้ในบ้านให้กับคู่แข่งก่อนในเกมนัดแรก
  • ในประวัติศาสตร์ของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็ป กวาร์ดิโอลา เป็นผู้จัดการทีมที่เอาชนะคู่แข่งในรอบน็อคเอาท์ได้มากที่สุดถึง 28 นัด
  • ซีเนดีน ซีดาน ไม่เคยคุมทีมตกรอบน็อคเอาท์รายการนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
  • อย่างไรก็ตาม ซิซู เคยคุมทีมเอาชนะทีมจากอังกฤษเพียง 2 จากทั้งหมด 6 เกมเท่านั้น
  • เรอัล มาดริด เอาชนะเกมเยือนในรอบน็อคเอาท์รายการนี้ได้ตลอด 4 เกมหลังสุด
  • กาเบรียล เชซุส มีส่วนร่วมกับการทำประตูไปถึง 14 ครั้งจาก 16 นัดที่ได้ลงเป็นตัวจริงในรายการนี้ (12 ประตู 2 แอสซิสต์)
  • ในเกมนัดแรกที่ผ่านมา ราชันชุดขาว มีโอกาสยิงเพียง 9 ครั้ง น้อยที่สุดเป็นอันดับสองที่พวกเขาเคยทำได้ใน แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นรองเพียงเกมที่พบกับ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2018 ที่มีโอกาสยิงเพียง 7 ครั้งเท่านั้น

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!
*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด