สรุปผลฟุตบอลเมื่อคืน ผลบอลพรีเมียร์ลีกทุกคู่: แมนยู-อาร์เซนอล ได้เฮ, แมนฯ ซิตี้ หลุดเจ๊า

สรุปผลฟุตบอลเมื่อคืน
สรุปผลฟุตบอลเมื่อคืน /
facebooktwitterreddit

ศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฟาดแข้งต่อเนื่องในคืนวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม ส่งท้ายปี 2022 โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ผลเสมอของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และชัยชนะส่งท้ายของ อาร์เซนอล


สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษเมื่อคืน
31 ธันวาคม 2022

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เอฟเวอร์ตัน
เอเอฟซี บอร์นมัธ 0-2 คริสตัล พาเลซ
ฟูแลม 2-1 เซาแธมป์ตัน
นิวคาสเซิล 0-0 ลีดส์ ยูไนเต็ด
ไบรท์ตัน 2-4 อาร์เซนอล


วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

[0-1] แรชฟอร์ด 76'

Marcus Rashford, Bruno Fernandes, Antony
Wolverhampton Wanderers v Manchester United - Premier League / Naomi Baker/GettyImages

ประตูโทนจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ในครึ่งหลังพา แมนฯ ยูไนเต็ด บุกเข่นเอาชนะ วูล์ฟส์ 1-0 เก็บ 3 คะแนนเต็มออกจากถิ่น โมลินิวซ์ กราวนด์

แรชฟอร์ด ที่ถูกดร็อปจากปัญหาวินัยภายใน หลุดจากทีมตัวจริงมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวลงสนามหลังจบพักครึ่ง เจ้าตัวรับบอลจาก บรูโน แฟร์นันด์ส ในกรอบเขตโษกระชากตะลุยฝ่าผู้เล่นแนวรับของเจ้าถิ่นก่อนตะบันด้วยขวาเต็มแรง บอลพุ่งไปซุกที่ก้นตาข่าย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เอฟเวอร์ตัน

[1-0] ฮาลันด์ 24'
[1-1] เกรย์ 64'

Erling Haaland
Manchester City v Everton FC - Premier League / James Williamson - AMA/GettyImages

ประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ลูกที่ 21 ของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ไม่เพียงพอให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บ 3 คะแนนเมื่อ เอฟเวอร์ตัน ไล่ตามตีเสมอในครึ่งหลังจาก เดมาราย เกรย์

เรือใบสีฟ้า เป็นฝ่ายครอบครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องก่อนจะได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 24 เมื่อบอลจากเท้าของ ริยาด มาห์เรซ ในกรอบเขตโทษเลี้ยงจี้เข้าหาประตูก่อนจ่ายถวายพานให้ ฮาลันด์ แท็ปอินด้วยเท้าขวาบริเวณหน้ากรอบ 6 หลาผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด บอลไปซุกที่ก้นตาข่ายและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

ประตูตีเสมอ 1-1 ของ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เกิดขึ้นในนาทีที่ 64 จากจังหวะสวนกลับเร็ว อิดริสซา กานา เกย์ ตัดบอลได้ที่กลางสนามก่อนจ่ายให้ เดมาราย เกรย์ ลากทะยานเข้ากรอบเขตโทษของ ซิตี้ ล็อครอจังหวะก่อนปั่นด้วยเท้าขวาบอลลอยโด่งก่อนโค้งมุดลงไปจบในประตู

ช่วงท้ายเกมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา พยายามโหมบุกหนักเพื่อประตูขึ้นนำอีกรอบแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจเจาะตาข่าย เดอะบลูส์ เพิ่มได้ท่ามกลางเซฟอุตลุดของ พิคฟอร์ด


เอเอฟซี บอร์นมัธ 0-2 คริสตัล พาเลซ

[0-1] อายิว 19'
[0-2] เอเซ 36'

Eberechi Eze
AFC Bournemouth v Crystal Palace - Premier League / Warren Little/GettyImages

คริสตัล พาเลซ อาศัยจังหวะการจบสกอร์ที่เด็ดขาดกว่าอย่างเห็นได้ชัดบุกคว่ำ เอเอฟซี บอร์นมัธ 2-0 จากประตูของ จอร์แดน อายิว และ เอเบเรชี เอเซ ตั้งแต่ครึ่งแรก

ประตูเบิกร่อง 1-0 ของ พาเลซ เกิดขึ้นในนาทีที่ 19 เมื่อลูกเตะมุมของ ไมเคิล โอลิเซ เปิดเอาท์สวิงเข้าไปในกรอบ 6 หลาเข้าหัว อายิว ทะยานเอาชนะแผงแนวรับของ เดอะเชอร์รีส์ เทคตัวขึ้นสะบัดหัวโหม่งกดลงพื้นชนิด มาร์ค ทราเวอร์ส หมดสิทธิ์เซฟ

พาเลซ หนีห่างเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมของ โอลิเซ เจ้าเก่า คราวนี้เจ้าตัวหลอกเปิดเลียดมาที่บริเวณหัวกะโหลกถวายพานให้ เอเซ ยิงจังหวะแรกด้วยขวาฝ่าแผงผู้เล่น เดอะเชอร์รีส์ ที่ออกันอยู่หน้าประตูทะลุไปซุกที่ก้นตาข่ายและจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว


ฟูแลม 2-1 เซาแธมป์ตัน

[1-0] วอร์ด-พราวส์ (ทำเข้าประตูตัวเอง) 32'
[1-1] วอร์ด-พราวส์ 56'
[2-1] ปาลินญา 88'

Joao Palhinha
Fulham FC v Southampton FC - Premier League / Craig Mercer/MB Media/GettyImages

ประตูจากในช่วงท้ายของของ ชูเอา ปาลินญา พา ฟูแลม เปิดบ้านเอาชนะ เซาแธมป์ตัน ทะยานรั้งอันดับที่ 7 ครึ่งบนของตารางคะแนนรับปีใหม่

เกมออกสตาร์ทด้วยการได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ของเจ้าถิ่นจากช็อตต่อเนื่องลูกเตะมุม อันเดรียส เปเรย์ ยิงจากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษบอลไปแฉลบ เจมส์ วอร์ด-พราวส์ เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองนาทีที่ 32

ทัพนักบุญต้องรอถึงครึ่งหลังกว่าจะได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากลูกฟรีคิกของ วอร์ด-พราวส์ นาทีที่ 56 จากระยะราว 25 หลาที่กลางประตู ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ปั่นด้วยขวาบอลลอยโค้งหนีมือ เควิน บาซูนู เป็นประตูหมดจด

เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วจังหวะจากลูกเตะมุมท้ายเกม ลูกเตะมุมของ เปเรย์รา ไปที่เสาแรกเข้าหัวของ เคนนี เตเต้ ที่เสาแรกโหม่งเช็ดให้ ปาลินญา ทะยานเข้าไปโหม่งที่เสาสองกลายเป็นประตูชัยของ ฟูแลม นาทีที่ 88


นิวคาสเซิล 0-0 ลีดส์ ยูไนเต็ด

FBL-ENG-PR-NEWCASTLE-LEEDS
FBL-ENG-PR-NEWCASTLE-LEEDS / LINDSEY PARNABY/GettyImages

เกมที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ลงเอยด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์โดยทัพ ยูงทอง รักษาคลีนชีทหยุดความร้อนแรงในการจี้หัวตารางของ นิวคาสเซิล สำเร็จ

โอกาสครั้งที่ดีที่สุดของเจ้าบ้านในครึ่งแรกเกิดขึ้นจากจังหวะลูกเซ็ตพีซของ คีแรน ทริปเปียร์ บอลลอยโค้งไปถึง สเวน บ็อตแมน พยายามเข้าชาร์จที่แถวสองด้วยเท้าซ้ายระยะเผาขนแต่ติดเซฟของ อิลลัน เมส์ลิเยร์ ล้มตัวตะครุบไว้ได้

ลีดส์ พยายามตอบโต้ด้วยการสวนกลับเร็วโดยโอกาสเหน่งๆ เป็นของ โรดริโก้ ที่ได้บอลพาไปที่ริมเส้นฝั่งขวาก่อนตัดเข้าในพยายามปั่นโค้งด้วยซ้ายแต่ไปเข้าซองของ นิค โป๊ป รับไว้ติดมือ


ไบรท์ตัน 2-4 อาร์เซนอล

[0-1] ซาก้า 2'
[0-2] เออเดการ์ด 39'
[0-3] เอ็นเคเทียห์ 47'
[1-3] มิโตมะ 65'
[1-4] มาร์ติเนลลี 71'
[2-4] เฟอร์กูสัน 77'

Eddie Nketiah
Brighton & Hove Albion v Arsenal FC - Premier League / Mike Hewitt/GettyImages

อาร์เซนอล มอบของขวัญให้กับเหล่า เดอะกันเนอร์ส บุกถล่ม ไบรท์ตัน 4-2 ทำคะแนนทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ ในตำแหน่งรองจ่าฝูง 13 คะแนนเข้าไปแล้วหลังผ่านการแข่งขัน 16 นัด

เกมออกสตาร์ทได้ไม่กี่อึดใจ ไอ้ปืนใหญ่ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 2 จากช็อตต่อเนื่องที่พวกเขาตัดบอลจากความพยายามสวนกลับเร็วของทัพ นกนางนวล ได้โดย โธมัส ปาร์เตย์ บอลเข้าทาง กรานิท ชาก้า จ่ายเร็วเข้ากรอบเขตโทษให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี ยิงไปแฉลบบล็อกเข้าทาง บูคาโย ซาก้า สังหารในระยะเผาขนไม่พลาด

เดอะกันเนอร์ส หนีห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 39 เมื่อ มาร์ติน เออเดการ์ด เก็บตกจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมกระฉอกออกมาที่บริเวณจุดโทษ เจ้าตัวซัดสวนกดลงพื้นด้วยเท้าซ้าย บอลกระดอนพื้นก่อนลอยสู่ก้นตาข่ายชนิดที่ โรเบิร์ต ซานเชซ ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

เกมในครึ่งหลังเริ่มต้นได้เพียง 2 นาที ทีมเยือนก็หนีห่างไปอีกครั้งเป็น 3-0 จากช็อตสวนกลับเร็ว บอลตั้งต้นที่ ปาร์เตย์ ในวงกลมกลางสนามก่อนไหลให้ มาร์ติเนลลี เลี้ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายไปติดเซฟของ ซานเชซ บอลจังหวะสองเข้าทาง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ตามซ้ำสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ

เจ้าถิ่นตีไข่แตกไล่มาเป็น 3-1 นาทีที่ 65 เมื่อบอลทะลุช่องของ ปาสกาล กรอสส์ ที่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษไปถึง คาโอรุ มิโตมะ จับหนึ่งจังหวะก่อนแปเล่นทางด้วยขวาสุดเอื้อมของ อารอน แรมส์เดล

แต่ให้หลังจากนั้นไม่นาน ลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ก็ทะยานนำห่างไปเป็น 4-1 จากจังหวะสวนกลับเร็ว บอลคิลเลอร์พาสของ มาร์ติน เออเดการ์ด ส่งให้ มาร์ติเนลลี หลุดตั้งแต่เส้นกลางสนามลากจี้หนี ทาริค แลมพ์ตีย์ ไปล่อเป้าใส่ ซานเชซ เหน่งๆ

ทว่า ไบรท์ตัน ก็ตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 77 ไล่มาเป็น 4-2 เมื่อ วิลเลียม ซาลิบา โชคร้ายบอลกระดอนไปโดนเข่าของเจ้าตัวเข้าทาง อีแวน เฟอร์กูสัน ได้ยิงผ่านมือ แรมส์เดล ไม่พลาด

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: