สรุปผลฟุตบอลเมื่อคืน ผลบอลพรีเมียร์ลีกวันนี้: ลิเวอร์พูล-อาร์เซนอล พาเหรดซิวชัย, สเปอร์ส หลุดเจ๊า
โดย โตมร นวลประเสริฐ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในวันบ็อกซิงเดย์ โดยไฮไลท์อยู่ที่ชัยชนะของบิ๊กทีมทั้ง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล ขณะที่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทำได้เพียงแค่เสมอในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา
สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษเมื่อคืน
26 ธันวาคม 2022
เบรนทฟอร์ด 2-2 ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
คริสตัล พาเลซ 0-3 ฟูแลม
เอฟเวอร์ตัน 1-2 วูล์ฟส์
เลสเตอร์ 0-3 นิวคาสเซิล
เซาแธมป์ตัน 1-3 ไบรท์ตัน
แอสตัน วิลลา 1-3 ลิเวอร์พูล
อาร์เซนอล 3-1 เวสต์แฮม
เบรนท์ฟอร์ด 2-2 ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
[1-0] ยาเนลต์ 15'
[2-0] โทนีย์ 54'
[2-1] เคน 65'
[2-2] ฮอยเบียร์ 71'
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ โกงตายในเกมที่ เบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม ตามตีเสมอหลังจากที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน 2-0 และลงเอยด้วยผลเสมอ 2-2 ควัก 1 แต้มกลับ ลอนดอน
เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก ยาเนลต์ ในช็อตตามเก็บตกดาบสองหลังจาก เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ งัดเซฟมาจังหวะแรก ก่อนที่ อิวาน โทนีย์ จะบวกสกอร์กลายเป็น 2-0 หลังจากเริ่มต้นครึ่งหลังไม่กี่อึดใจจากลูกเตะมุม
ส่วนทัพ ไก่เดือยทอง ได้ประตูตีไข่แตกจากการทะยานขึ้นโหม่งของ แฮร์รี เคน นาทีที่ 65 ก่อน ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ จะได้รับบอลเหน่งๆ ในกรอบเขตโทษล่อเป้าไม่พลาดให้เกมลงเอด้วยผลเสมอ 2-2
คริสตัล พาเลซ 0-3 ฟูแลม
[0-1] รีด 31'
[0-2] รีม 71'
[0-3] มิโตรวิช 80'
เกทที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ออกสตาร์ด้วยประตูขึ้นนำของ ฟูแลม นาทีที่ 31 เมื่อ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ได้เปิดบอลเหน่งๆ ที่ริมเส้นฝั่งขวา บอลโค้งเข้าหัว เดคอร์โดบา-รีด โหม่งกดลงพื้นเป็นประตูเบิกร่อง 1-0
ก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่อึดใจ ไทริค มิทช์เชลล์ ของ พาเลซ ได้รับใบแดงโดยตรงจากการเปิดปุ่มย่ำไปที่หน้าแข้ง เตเต้ เจ้าถิ่นเหลือ 10 คนตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก
ครึ่งหลังเล่นไปได้ราว 10 นาที เจมส์ ทอมกิ้นส์ ของ ปราสาทเรือนแก้ว หลุดฟันศอกใส่ผู้เล่นของ ฟูแลม ได้รับใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงทันที ทำให้เจ้าถิ่นเหลือผู้เล่นเพียง 9 คนในช่วงเวลาที่เหลืออีกราว 30 นาที
เกมหลังจากนั้นตกเป็นของ เจ้าสัวน้อย ขโยกเข้าใส่ต่อเนื่องก่อนจะได้ลูก 2-0 โดยลูกตวัดของ ทิม เรียม ระยะเผาขน (71') และประตูตอกฝาโลงโดย มิโตรวิช ขึ้นโหม่งระยะเผาขนเป็น 3-0 (80')
เซาแธมป์ตัน 1-3 ไบรท์ตัน
[0-1] ลัลลานา 14'
[0-2] แปร์โรด์ (ทำเข้าประตูตัวเอง) 35'
[0-3] มาร์ช 56'
[1-3] วอร์ด-พราวส์ 73'
ไบรท์ตัน บุกขโยก เซาแธมป์ตัน คาบ้านโดยได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 14 จาก อดัม ลัลลานา โฉบเข้าไปโหม่งในกรอบเขตโทษ ก่อนจะได้ประตู 2-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ โรแม็ง แปร์โรด์ ที่สกัดบอลผิดเหลี่ยม
เจสซี มาร์ช ตะบันไกลสุดสวยจากนอกกรอบเขตโทษด้วยเท้าซ้ายกลายเป็นลูก 3-0 นาทีที่ 56 ก่อนที่ทัพ นักบุญ ตะได้ประตูปลอบใจจากการตามซ้ำลูกจุดโทษของ เจมส์ วอร์ด-พราวส์ นาทีที่ 73
เลสเตอร์ ซิตี้ 0-3 นิวคาสเซิล
[0-1] วูด 3'
[0-2] อัลมิรอน 7'
[0-3] โจลินตอน 32'
นิวคาสเซิล บุกยำใหญ่ เลสเตอร์ ซิตี้ หมดสภาพคาบ้านด้วยสกอร์ขาดลอยโดยทีมเยือนได้ประตูขึ้นำจากลูกจุดโทษของ คริส วูด เมื่อ โจลินตอน เรียกจุดโทษได้ตั้งแต่นาทีที่ 2 และ วูด รับหน้าที่สังการเป็นประตูเบิกร่องไม่พลาด
จังหวะทำชิ่ง 1-2 ระหว่าง บรูโน กิมาไรส์ กับ มิเกล อัลมิรอน ส่งให้ดาวเตะ ปารากวัย หลุดไปล่อเป้าเหน่งๆ กลายเป็นลูก 2-0 ตามด้วยประตู 3-0 จากลูกโหม่งจังหวะเตะมุมของ โจลินตอน ปิดท้ายนาทีที่ 32
เอฟเวอร์ตัน 1-2 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
[1-0] มินา 7'
[1-1] โพเดนซ์ 22'
[1-2] อิต นูรี 90+5'
เกมที่ กูดิสัน พาร์ค ออกสตาร์ทด้วยประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วของเจ้าถิ่นตั้งแต่นาทีที่ 7 เมื่อลูกเตะมุมของ ดไวท์ แม็คนีล โค้งไปเข้าหัว เจร์รี มินา ขึ้นโขกเหน่งๆ บอลตุงตาข่ายตั้งแต่นาทีที่ 7
ทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุม ชูเอา มูตินโญ ได้บอลบริเวณหัวกะโหลกก่อนกระดกให้ แดเนียล โพเดนซ์ รับบอลที่เสาสองแท็ปอินเป็นประตู
เกมทำท่าจะลงเอยด้วยผลเสมอ แต่แล้วลูกยิงล่อเป้าในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บโดย รายาน อิต นูรี ก็กลายเป็นประตูชัยของ วูล์ฟส์ ในที่สุด
แอสตัน วิลลา 1-3 ลิเวอร์พูล
[0-1] ซาลาห์ 5'
[0-2] ฟาน ไดค์ 37'
[1-2] วัตกิ้นส์ 59'
[1-3] บายเซติช 81'
ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนนเต็มกับชัยชนะเหนือ แอสตัน วิลลา พร้อมทำอันดับทะยานสู่ท็อปซิกซ์หลังจบการแข่งขันในวันบ็อกซิงเดย์
เกมที่ วิลลา พาร์ค เริ่มต้นได้เพียง 5 นาทีทัพ หงส์แดง ก็เป็นฝ่ายที่ได้ประตูเบิกร่อง ขึ้นนำ 1-0 ไปก่อนจากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เก็บตกได้ที่แถวสองก่อนย้ำให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาแปะจังหวะเดียวให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แท็ปอินสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ
ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 นาทีที่ 37 จากจังหวะต่อเนื่องเตะมุมอีกครั้ง บอลลอยไปถึงเสาสองถึง ซาลาห์ เกี่ยวได้ในกรอบ 6 หลาก่อนแปะคืนให้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ยิงเร็วบอลแฉลบผู้เล่น วิลลา ไปซุกที่ก้นตาข่ายและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
เกมครึ่งหลังเริ่มต้นด้วยความพยายามบดขยี้ของเจ้าถิ่นอย่างหนักหน่วงเพื่อทวงประตูคืน ความพยายามของพวกเขามาสำเร็จในนาทีที่ 59 จากการครอสที่แนวลึกของ ดักลาส ลุยซ์ บอลโค้งไปเข้าหัว โอลลี วัตกิ้นส์ ขึ้นโขกเหน่งๆ ย้อนศรชนิดที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ หมดสิทธิ์เซฟ
ช่วงท้ายเกม เร้ดแมชีน ทิ้งห่างเป็น 3-1 เมื่อ ดาร์วิน นูนเญซ ได้บอลเลี้ยงจี้ไปจนถึงสุดเส้นหลัง เจ้าตัวเปิดบอลยัดย้อนกลับเข้ามาในกรอบ 6 หลา บอลติดแนวรับกระฉอกไปเข้าทางของ สเตฟาน บายเซติช แตะหนี 1 จังหวะก่อนส่งบอลสู่ก้นตาข่าย
อาร์เซนอล 3-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
[0-1] เบนราห์มา (จุดโทษ) 27'
[1-1] ซาก้า 53'
[2-1] มาร์ติเนลลี 58'
[3-1] เอ็นเคเทียห์ 69'
อาร์เซนอล ยังคงครองอันดับจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่นหลังผ่านเกมวันบ็อกซิงเดย์ด้วยการพลิกกลับมาเอาชนะ เวสต์แฮม 3-1 หลังจากตกเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำไปก่อนในครึ่งแรก
ลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า เป็นฝ่ายส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้ก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 โดย บูคาโย ซาก้า แต่ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ถูกจับล้ำหน้าไปเสียก่อน และกลายเป็นทัพ ขุนค้อน ที่มาได้ลูกจุดโทษในเวลาต่อมาเมื่อถูก วิลเลียม ซาลิบา เข้าสกัดล้มลงในกรอบเขตโทษ ซาอิด เบนราห์มา รับหน้าที่สังหารไม่พลาดกลายเป็นประตูขึ้นนำของทีมเยือน 1-0 ในนาทีที่ 27 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังทัพ ไอ้ปืนใหญ่ กลับมาเล่นอย่างกระตือรือล้นก่อนที่การประสานงานระหว่าง มาร์ติน เออเดการ์ด กับ บูคาโย ซาก้า จะทำให้แข้งทีมชาติ อังกฤษ ล่อเป้ากลายเป็นประตูตีไข่แตกของ เดอะกันเนอร์ส 1-1 นาทีที่ 53
ให้หลังจากนั้นอีกเพียง 5 นาที บอลจาก กรานิท ชาก้า แทงให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี หลุดไปตะบันมุมแคบเป็นประตูขึ้นนำของ เดอะกันเนอร์ส 2-1 ก่อนที่ เออเดการ์ด เจ้าเก่าจะทำแอสซิสต์ที่สองของตนเองโดยตั้งบอลให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ พลิกเข้าไปสังการในกรอบเขตโทษเป็นลูก 3-1