เลื่อน – พัก - เลิก ทางเลือกเจ็บปวดของ พรีเมียร์ ลีก - OPINION
พรีเมียร์ ลีก และวงการฟุตบอลอังกฤษ พบกับวิกฤตจาก โควิด-19 อีกครั้ง จากการเข้ามาระบาดของ โอไมครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ล่าสุดของไวรัสอันตรายตัวนี้ โดยรายงานล่าสุดจาก เดอะ การ์เดี้ยน ระบุว่ามียอดติดเชื้อในอังกฤษต่อวันมากกว่า 80,000 คน (88,736) แล้ว ในขณะที่กลุ่มจี 7 (G7) ยกระดับให้มันกลายเป็นปัญหาระดับโลกอีกครั้ง และมีการเตือนว่าอาจจะได้เห็นเคสผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมากกว่าที่ผ่านมา ขณะที่ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษออกมาเตือนว่าจะมีการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อในประเทศจนแตะจำนวน 1 ล้านคน
แน่นอนตัวเลขของการติดเชื้อน่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับคนในประเทศอังกฤษ และมันส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลโดยตรง เพราะนี่คือหนึ่งในกิจกรรมที่มีส่วนร่วมของคนจำนวนมากในวันแข่งขัน
สถานการณ์การติดเชื้อก็ยังคงวิ่งต่อไปไม่มีท่าทีจะสามารถหยุดยั้งได้ ส่วนฟุตบอลก็ยังคงพยายามที่จะเดินหน้าต่อไปในการแข่งขัน แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ที่จะต้องเจอกับปัญหาการติดเชื้อ และมีหลายต่อหลายทีมที่ต้องเจอกับสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็น สเปอร์ส, เลสเตอร์, ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน, วัตฟอร์ต, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่ยังไม่รวมถึงอีกหลายทีมที่ยังไม่มีนักเตะติดเชื้อ แต่ทีมงานของสโมสรก็เริ่มติดเชื้อบ้างแล้ว
พรีเมียร์ ลีกมีการเลื่อนเกมมาแล้วหลายเกม ล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน คือเกมล่าสุดที่ต้องเลื่อน เมื่อทั้งสองสโมสรต่างมีปัญหานักเตะ และทีมงานติดเชื้อโควิด-19 กันอย่างหนัก โดยเฉพาะ “ปีศาจแดง” มีการติดเชื้อจนเหลือ นักเตะ ไม่เหลือสิบคนที่พร้อมลงสนามได้ และมีอีกหลายคู่ที่ประกาศการเลื่อนการแข่งขันแล้ว ด้วยเหตุผลเรื่องเดียวกัน โดย ณ เวลานี้ หนักที่สุดคือ สเปอร์ส เพราะพวกเขาเลื่อนไปแล้ว 3 เกมในลีก และอีกหนึ่งเกมใน ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งถึงเวลานี้ พวกเขายังหาวันเวลามาลงเล่นไม่ได้เลย
ก่อนหน้านี้ พรีเมียร์ ลีกก็พยายามส่งข้อความว่า พวกเขาสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ด้วยการเดินตามนโยบาย และมาตรการของรัฐบาลอังกฤษ ตามแผนการป้องกัน โควิด-19 ในช่วงฤดูหนาว ที่การระบาดจะยิ่งง่ายกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเอกสาร Covid Pass สำหรับผู้ชมการแข่งขัน มีผลตรวจ PCR อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ใครไม่มีก็ไม่สามารถเข้าสนามได้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมากนัก เช่นเดียวกับการที่ พรีเมียร์ ลีก สั่งให้ทุกสนามซ้อมต้องมีการตรวจหาเชื้อกันอย่างเข้มงวด เทียบเท่าในระดับเดียวกับช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่ล๊อกดาวน์ในช่วงนั้น ส่วนบางสโมสรที่มีปัญหาติดเชื้อไปแล้วก็ต้องปิดสนามซ้อมฆ่าเชื้อครั้งใหญ่ และแยกซ้อมส่วนตัวบ้านใครบ้านมัน
อย่างไรก็ตามโค้ชหลายคนในพรีเมียร์ ลีก เริ่มออกข่าวแสดงความไม่พอใจกับการจัดการของพรีเมียร์ ลีก ที่ยังไม่ชัดเจนว่า พวกเขาจะดำเนินนโยบายอย่างไร หากการระบาดยังคงหนัก การเลื่อนเกมแล้วเกมเล่า ไม่ใช่ทางแก้ไขที่ดี มองสถานการณ์ในภาพรวมของไวรัส โควิด-19 ของโลกเรา เดลต้า และ โอไมครอน ยังคงมีอยู่ในโลกของเรา แต่ โอไมครอน คือสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งแม้จะมีการระบุว่าไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่สามารถประมาทได้ เพราะไวรัสตัวนี้ทำให้เราเห็นมาแล้วว่ามันกลายพันธุ์ได้เร็วมาก ซึ่งบนความไม่แน่นอนเหล่านั้น เราไม่ควรนำตนเอง หรือใครมาเสี่ยงได้จนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของความรุนแรง
การเลื่อนเกมการแข่งขัน ณ เวลานี้เป็นการแก้ไขที่เหมือนเป็นการ “ประคอง” ให้ทุกอย่างยังคงเดินหน้าต่อไป ให้เวลากับทีมวิจัย และบุคลากรทางการแพทย์ได้ศึกษา และมีความชัดเจนในเรื่องของไวรัส เพราะก่อนหน้าที่จะเกิด โอไมครอน ขึ้นมาอังกฤษ ก็เป็นชาติหนึ่งที่อยู่ร่วมกับ โควิด-19 กันมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 แล้ว และพรีเมียร์ ลีก ก็ยังคงหวังให้สถานการณ์สามารถเดินหน้าไปได้ให้มากที่สุด เพราะหากเกิดการล็อกดาวน์ หรือลงเล่นแบบไม่มีผู้ชมการแข่งขันในสนาม สภาวะทางการเงินของเหล่าสโมสรต่าง ๆ จะโดนวิกฤตอีกครั้งทันที นี่ไม่รวมถึงลีกล่างที่ อีเอฟแอล (EFL) เป็นผู้ดูแลอีกต่างหากที่จะโดนหนักแน่นอน อย่างเช่นสโมสรในลีกวัน หรือว่า ลีกทู ดังนั้น พรีเมียร์ ลีก ไม่อยากให้พักการแข่งขัน และแน่นอนเรื่องการตัดจบ มองเป็นทางเลือกท้ายสุดได้เลย เพราะมันคือเรื่องที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของทั้งวงการ รวมถึงเรื่องของปฏิทินการแข่งขันที่ในปี 2022 ก็แน่นเอี๊ยดมากจนไม่มีช่องว่างให้เพิ่มอะไรได้อีกแล้ว
อ่านสัมภาษณ์ของ ผู้จัดการทีม พรีเมียร์ ลีก ที่พูดถึงเรื่องนี้หลายคน คำตอบเดียวกันหมดคือทุกคนไม่อยากเลิก หรือต้องกลับไปตั้งต้นใหม่แบบตอนเดือนมิถุนายน 2020 กันอีกแล้ว มันเจ็บปวด และเต็มไปด้วยปัญหา พวกเขาเดินมาไกลมากแล้วจากจุดนั้น แต่ถ้ายังติดเชื้อกันกระหน่ำรอบละ 5 คน 10 คนแบบนี้ ยังไงก็ต้องพักการแข่งขัน เพราะไม่สามารถเตรียมทีมอะไรได้เลย ขณะที่ผู้จัดการทีมวัตฟอร์ตอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็เรียกร้องให้นักเตะทุกคนฉีดวัคซีน ซึ่งในอังกฤษเรื่องนี้ไม่ได้เป็นข้อบังคับ ขึ้นกับความสมัครใจของแต่ละบุคคล
“แน่นอนเราทุกคนอยากให้ฟุตบอลมันเดินหน้ากันต่อไป เราอยากกลับมาใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่สำคัญที่สุดคือ สุขภาพของชีวิต มันเหนือกว่าทุกอย่าง ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เราอาจจะเจอกับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ (โอกาสในการระงับการแข่งขันทั้งหมด)” เกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีม ไบร์ทตัน กล่าวหลังเกมที่พวกเขาพ่าย วูลฟ์ส 0-1 โดยเขาระบุว่ามีการแจ้งขอเลื่อนเกมเพราะนักเตะในทีมติดโควิด-19 แต่ก็ไม่สามารถเลื่อนเกมได้
ยิ่งเลื่อนมากเท่าไร เกมการแข่งขันคงค้างก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล เช่นเดียวกับทีมที่ลงเล่นได้ ก็ลงเล่นต่อไป มันจะเกิดเรื่องของความไม่ยุติธรรมในเรื่องของวันเวลาในการแข่งขันที่ไม่ตรงกัน มีผลต่อความเหลื่อมล้ำตรงนี้ด้วย ในเมื่อพรีเมียร์ ลีก ไม่กำหนดชัดเจนว่า ติดกี่คนยกเลิกหรือไม่ยกเลิก แต่เลือกให้บางเกมยกเลิก บางเกมไม่ยกเลิก โดยไม่มีมาตรฐานที่ยอมรับได้ทั้งลีก ทีมที่แข่งจบก็จบไป ส่วนที่แข่งไม่ได้ กลับมาแข่งใหม่ เตรียมอ้วกแตกได้เลยกับเกมถี่ยิบเพื่อชดเชยกับเวลาที่หายไป และหากสถานการณ์เรื่องไวรัสโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะในอังกฤษ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีบางทีมเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง ก็จะเกิดปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก
นักกีฬา ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง พวกเขามีสิทธิ์ในการปกป้องตนเอง รวมถึงดูแลตนเองตามสิทธิพื้นฐานของแต่ละคน หากยังต้องลงเล่นบนความเสี่ยงแบบนี้ และมีสโมสร หรือนักเตะสักคนที่มีชื่อเสียง ออกมาพูดดัง ๆ ว่าไม่อยากเอาบุคลากรในทีม หรือตนเองไปเสี่ยงอีกแล้ว พรีเมียร์ ลีก จะปฏิบัติอย่างไรในเมื่อพวกเขายังคงให้เดินเกมการแข่งขันต่อไปในสถานการณ์ระบาดที่ยังควบคุมไม่ได้เช่นนี้
เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับทุกฝ่าย เพราะการเลื่อนก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี การหยุดก็ไม่ใช่วิถีพึงกระทำหากไม่จำเป็น เพราะจะส่งผลต่อปากท้องของสโมสรโดยตรงเหมือนกัน ส่วนเลิกแทบจะไม่ต้องคิดเลย ในช่วงเวลานี้ ทุกฝ่ายควรพูดคุยกันอย่างชัดเจนเพื่อตกลงในการออกข้อบังคับร่วมกันฝ่าวิกฤตนี้ พร้อมกับภาวนาให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถหาข้อสรุปได้ชัดเจนโดยเร็วว่า โควิด-19 ที่เราทนอยู่กับมันมานาน 2 ปีกว่าเข้าไปแล้ว แต่มาในเวอร์ชันใหม่นี้เราจะรับมือกับมันอย่างไร อยู่ร่วมกับมันอย่างไร เพื่อให้ชีวิตของเราเดินหน้าต่อไปได้แบบที่มันควรจะเป็น