แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล: ประเด็นก่อนเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย หงส์แดง ปะทะ เรือใบ รอบสอง

การแข่งขัน: ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย 2021/22
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2022
เวลาแข่งขัน: 21:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล
สนาม: เวมบลีย์
ถ่ายทอดสด: beIN SPORTS 1
1. เกมนี้ต้องมี "ผู้ชนะ"
หลังจากการพบกันแบบสุดมันส์ในเกม พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์ก่อนที่จบลงด้วยผลเสมอ 2-2 ดูเหมือนแฟนบอลของทั้งสองทีมจะไม่ต้องรอนานสำหรับการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของสองยอดทีมระดับท็อปของอังกฤษ ณ เวลานี้ ซึ่งเสาร์นี้จะต่างออกไปเพราะการที่เป็น เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย จึงเป็นการฟาดแข้งกันที่สนามกลางอย่าง เวมบลีย์ และเล่นแบบนัดเดียวรู้ผลไม่มีเหย้าเยือน หากเสมอกันใน 90 นาทีก็ต้องไปสู้กันในการต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีและปิดท้ายด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาดหากยังไม่มีผู้ชนะใน 120 นาที
2. ตัวแทน เดอ บรอยน์ วอล์เกอร์
เรียกได้ว่าเสียหายพอสมควรเลยก็ว่าได้แม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเอาชนะ แอตฯ มาดริด เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับการเสีย 2 สตาร์ตัวหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ ไคล์ วอล์เกอร์ ที่บาดเจ็บข้อเท้าทั้งคู่โดยเฉพาะรายหลังที่ข้อเท้าบิดผิดรูปไปในเกมดังกล่าว ซึ่งแน่นอนนั่นอาจทำให้ เรือใบสีฟ้า จะไร้ซึ่งสองดาวเตะดังกล่าวในเกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล วันเสาร์นี้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามขุมกำลังของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จัดว่าแข็งแกร่งแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง ฉนั้นการจะส่ง กุนโดกัน หรือจะใช้งาน แบร์นาร์โด้ แทนที่ตำแหน่งของ เดอ บรอยน์ มาตรฐานก็แทบไม่ต่างกัน รวมถึงตำแหน่งแบ็คขวาที่แน่นอนว่า คันเซโล จะได้กลับมาประจำการแทนที่ วอล์เกอร์ ส่วนทางซ้ายชั่วโมงนี้คงหนีไม่พ้น นาธาน อาเก้ ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมกับทีมตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา
3. หงส์แดง อาจได้เปรียบเรื่องความฟิต
แม้กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสองทีมจะมีคิวลงแข่งในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในวันและเวลาเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล เองจะมีข้อได้เปรียบอยู่เล็กน้อย ข้อแรกคือพวกเขาได้เล่นในบ้านเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องบินไปเล่นที่กรุง มาดริด ข้อที่สองรูปเกมที่ หงส์แดง กุมความได้เปรียบมาถึงสองประตูในนัดแรกทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจใช้นักเตะชุดผสมลงเล่นและพักตัวหลักหลาย ๆ คนอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ซาดิโอ มาเน และ โม ซาลาห์ ไว้บนม้านั่ง ส่วน เรือใบสีฟ้า ที่นำอยู่ประตูเดียวจำต้องจัดชุดเต็มลงบู้แถมเจอทีมที่เขี้ยวสุด ๆ อย่าง ตราหมี ที่บดใส่จนเกมตึงตลอด 90 นาทีนอกจากยังมีลูกตุกติกชนิดที่กว่าจะจบเกมก็อ่วมกันทั้งสองฝ่าย คงต้องมาลุ้นกันว่าข้อได้เปรียบดังกล่าวจะส่งผลต่อรูปเกมในวันเสาร์นี้อย่างไร แต่เชื่อได้เลยว่าแม้ว่าจะเหนื่อยล้ากันเพียงใดแต่ด้วยศักดิ์ศรีทั้งสองฝ่ายจะยังคงเล่นใหญ่ใส่เต็มในเกมนี้แบบไม่มีกั๊กอย่างแน่นอน
4. หงส์แดง จะแก้ปัญหาแดงกลางอย่างไร ?
ต้องบอกก่อนว่าอันที่จริง ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เองก็ไม่ได้มีปัญหาในแผงมิดฟิลด์แต่อย่างใด แต่การพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าด้วยศักยภาพนักเตะรวมถึงแทคติคการเล่นทำให้เกมกลางสนามของ หงส์แดง ดูจะเป็นรองอย่างชัดเจน ซึ่งการที่ ซิตี้ คุมพื้นที่กลางสนามได้นั้นสร้างปัญหาให้กับรูปเกมของ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก แต่แน่นอนกุนซือระดับ คล็อปป์ ย่อมไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนเล่นงานจุดเดิมซ้ำสองและคงมีแผนการมาแก้เกมอย่างแน่นอน จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจว่าที่สุดแล้วเกมนี้สองกุนซือจะมีทีเด็ดอะไรงัดออกมาให้แฟนบอลได้ชมกันเป็นบุญตาในคืนวันเสาร์นี้กันอีกบ้าง
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด