แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ลิเวอร์พูล: เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก หงส์แดง บุกยันเสมอ เรือใบสีฟ้า
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2022
เวลาแข่งขัน: 22:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ลิเวอร์พูล
สนาม: เอติฮัด สเตเดี้ยม
1. เกมระดับคุณภาพในรอบปี
น้อยครั้งในรอบปีที่เราจะได้เห็นเกมคู่ภาพระดับสูงที่สนุกสูสีขนาดนี้ เพราะแม้รูปเกมจะเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่เหนือกว่าในด้านการครองบอลบุกเข้าทำ แต่ ลิเวอร์พูล ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีดีมากพอที่จะต้านทางความร้อนแรงเอาไว้ได้ พร้อมกับโชว์ให้เห็นถึงความเฉียบขาดจากโอกาสอันน้อยนิดจนในที่สุดสามารถแบ่งแต้มกลับมาได้และทำให้การลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ยังคงคู่คี่ลุ้นกันยาว ๆ ต่อไป
2. แผนเด็ด เป๊ป สร้างปัญหาหนักให้ หงส์แดง
อย่างที่ทราบดีที่ว่า แมนฯ ซิตี้ เดิมทีจะเน้นการต่อบอลเท้าสู่เท้าพร้อมจ่ายตามช่องในการเข้าพื้นที่สุดท้าย แต่วันนี้ เป๊ป วางแผนให้ ซิตี้ ใช้ประโยชน์จากพื้นที่หลังไลน์กองหลัง หงส์แดง ด้วยการปล่อยให้ทีมเยือนไล่บีบสูงและมอบหมายให้ แบร์นาร์โด้ กับ โรดรี้ ถอยลงมาต่ำเพื่อวางบอลยาวข้ามแผงหลัง ลิเวอร์พูล ไปพร้อมกับให้ 3 ประสานในแดนหน้ากับ 2 แบ็คผลัดกันสอดขึ้นไปใช้ความเร็วสร้างสรรค์โอกาส ซึ่งนั่นดูจะเป็นแนวทางใหม่ที่สามารถปั่นป่วนแนวรับของผู้มาเยือนได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว
3. จุดอ่อนในแดนกลางของ เยอร์เก้น คล็อปป์
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุดทีมหนึ่ง ณ เวลานี้ แต่หลังจากวัดคุณภาพตำแหน่งต่อตำแหน่งสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าเป็นรอง แมนฯ ซิตี้ ชัดเจนคือผู้เล่นในแดนกลาง แน่นอนว่ามันจะมีเรื่องแทคติคมาเกี่ยวข้องแต่วันนี้เห็นได้ชัดเลยว่าความสามารถเฉพาะตัวของทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา สามารถสร้างความแตกต่างให้กับเกมการแข่งขันได้ ในขณะที่นักเตะอย่าง เฮนเดอร์สัน ฟาบินโญ กลับดูดร็อปลงไปจะมีก็แต่เพียง ติอาโก้ อัลคันทารา ที่พอจะมีความสามารถไปทัดเทียมได้บ้าง ซึ่งปกติแล้วแนวทางการเล่นของ หงส์แดง จะคาดหวังกับ 3 ตัวรุกกับ 2 ฟูลแบ็คเป็นหลัก แต่หากพวกเขามีกองกลางที่สามารถเปลี่ยนเกมได้มันก็ย่อมที่จะทำให้ทีมสามารถยกระดับสโมสรขึ้นไปได้อีกมากโขเลยเช่นกัน
4. โจต้า ยังคงพึ่งพาได้
แม้วันนี้ยังเป็นอีกเกมที่ โม ซาลาห์ สตาร์ตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ดังที่ทุกคนต่างเฝ้าหวัง แต่ก็ยังคงเป็นอีกนัดเช่นกันที่ ดิโอโก้ โจต้า ยิงประตูต่อเนื่องให้กับทีมเป็นนัดที่ 4 เข้าไปแล้วในรอบเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลงานโดยรวมของ หงส์แดง ยังคงทรงตัวอยู่ได้แม้ดาวเตะชาว อิยิปต์ จะแผลงฤทธิ์ไม่ออก เช่นเดียวกับเกมวันนี้ที่แม้โอกาสของ โจต้า จะมีไม่มากแต่ก็ดูจะเป็นตัวอันตรายที่สุดที่สร้างปัญหาให้กับทั้ง สโตนส์ และ ลาปอร์ต ได้ ด้วยการขยับหาพื้นที่อันยอดเยี่ยมบวกกับการจบสกอร์ที่เฉียบคมจนมีส่วนสำคัญช่วยให้ต้นสังกัดเซฟ 1 คะแนนสำคัญในค่ำคืนนี้เอาไว้ได้
5. เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
ช่องว่าง 1 คะแนนกับ 7 เกมที่เหลือ ยังคงยากจะคาดเดาว่าสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชูถ้วยลีกสูงสุดแห่งเมืองผู้ดีในฤดูกาลนี้ ซึ่งโปรแกรมของทั้งสองทีมก็ดูจะมีความยากง่ายต่างกันออกไปแต่เชื่อได้เลยว่าคุณภาพระดับนี้คงไม่ยากเกินเอื้อมที่จะคว้าชัยรวดพร้อมกันทั้งหมด 7 นัดโดยต้องมาวัดกันว่าท้ายที่สุดใครจะสะดุดขาตัวเองตายตอนจบเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามนั้นไม่ใช่รายการเดียวที่ทั้งสองทีมต้องรับผิดชอบเพราะทั้ง เรือใบ และ หงส์แดง ต่างยังมีคิวลงฟาดแข้งในถ้วยยุโรปที่ก็ต่างคาดหวังถึงแชมป์ไม่น้อยไปกว่า พรีเมียร์ลีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมี เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมที่สองยักษ์ใหญ่จะได้โคจรมาพบกันเองอีกครั้งที่ เวมบลีย์ สุดสัปดาห์หน้า นี่จึงจะเป็นเครื่องชี้วัดว่าใครจะยืนระยะในช่วงสำคัญสุด ๆ ของซีซั่นได้มากกว่ากัน
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด