เชลซี 2-4 อาร์เซนอล: 5 ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก ลอนดอนดาร์บี้ ปืนใหญ่ บุกอัด สิงห์ คารัง
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: วันพุธที่ 20 เมษายน 2022
เวลาแข่งขัน: 01:45 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: เชลซี 2-4 อาร์เซนอล
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
1. เกมเปิดหน้าแลกสมเป็น ลอนดอนดาร์บี้
ต้องบอกเลยว่าแม้ภาพรวมเกมนี้ เชลซี จะเป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่า แต่ตลอด 90 นาที อาร์เซนอล ก็ไม่ได้ตั้งรับแล้วรอสวนเพียงอย่างเดียว เพราะพวกเขาก็พร้อมจะเปิดหน้าแลกหมัดวัดกันคนละทีสองทีโดยเฉพาะครึ่งเวลาแรกที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันบุกหาโอกาสเข้าทำกันไปมาอย่างรวดเร็วจนเปลี่ยนเป็น 4 ประตูสลับกันฝั่งละสองลูกอย่างสุดมันส์ แต่พอหลังจากเข้าสู่ช่วง 45 หลัง พลพรรคปืนใหญ่ วางแผนมาได้ดีด้วยการแพ็คเกมรับและอาศัยความผิดพลาดของเจ้าบ้านในการสร้างสรรค์โอกาส ซึ่งก็เป็นที่มาของ 2 ประตูช่วยให้พวกเขาที่แม้รูปเกมจะไม่ได้เหนือกว่าแต่ก็สามารถเก็บ 3 คะแนนกลับบ้านไปได้อย่างงดงามในศึก ลอนดอนดาร์บี้ ครั้งนี้
2. แผงหลัง เชลซี ชุดนี้ "ไม่ผ่าน"
วันนี้เป็นอีกนัดที่เกมรับของ เชลซี จัดว่ารั่วผิดปกติแม้ว่าจะมาด้วยแผนหลัง 3 วิงแบ็คแล้วก็ตาม ซึ่งจุดเริ่มต้นก็มาจากความอินดี้ของ โธมัส ทูเคิล ที่ส่ง คริสเตนเซน ยืนเป้นตัวกลางขนาบข้างด้วย รีซ เจมส์ และ มาล็อง ซารร์ โดยใช้งาน อัซปิลิกวยต้า และ อลอนโซ เป็นวิงแบ็ค แน่นอนผลงานที่ออกมาต้องบอกว่าเละตุ้มเป้ะ เล่นกันผิดพลาดขาด ๆ เกิน ๆ ตลอดทั้งเกมแม้ว่าจะเปลี่ยนเอา ติอาโก้ ซิลวา ลงมาช่วยแล้วก็ตาม
โดย คริสเตนเซน ที่ออกทะเลในช่วงหลังก็ยังคงกู่ไม่กลับเห็นได้ชัดว่าขาดความมั่นใจจนจ่ายบอลเสียง่าย ๆ ทำให้ทีมเสียประตูในที่สุด ด้าน รีซ เจมส์ ก็เองก็ต้องมาเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดแถมยังอยู่ในช่วงเรียกความมั่นใจ และที่หนักที่สุดดูจะเป็นกราบซ้ายของ ซารร์ ที่วันนี้รั่วสุด ๆ เตะผิดเตะถูกตัดสินใจไม่ดีจนมีจังหวะหวาดเสียวอยู่เรื่อย ๆ บวกกับ อลอนโซ ที่เกมรับขึ้นชื่อว่าเป็นบ่ออยู่แล้วก็ยิงอาการหนักโดน บูกาโย ซาก้า เล่นงานเสียจนเปื่อยกันเลยก็ว่าได้
3. พลังหนุ่ม ปืนใหญ่ กลับมาลงตัวในรอบเดือน
เรียกได้ว่าหลังจากขึ้นเดือนเมษายนมา พลพรรคปืนใหญ่ของ มิเกล อาร์เตต้า ก็แพ้รวด 3 นัดติดต่อกันจนโอกาสในการลุ้นท็อป 4 ของพวกเขาสั่นคลอนอย่างหนัก กระทั้งเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในค่ำคืนที่ผ่านมานี้ พวกเขากลับคืนร่างเดิมได้สำเร็จจนเหมือนกับเป็นคนละทีมโดยเฉพาะเหล่านักเตะพลังหนุ่มที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่ยังคงหาประตูแรกไม่เจอเลยตลอทั้งฤดูกาลแถมกำลังจะหมดสัญญากับทีมก็ทำได้ถึง 2 ประตูที่มากจากการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของเจ้าบ้าน บูกาโย ซาก้า ที่วันนี้ฉีกแนวรับทางกราบขวาของ เชลซี ได้เป็นอย่างดี เอมิล สมิธ โรว ที่กลับมาทำประตูได้อีกครั้งหลังจากไร้สกอร์มา 9 เกมติด หรือแม้แต่ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ขับเคลื่อนเกมกลางสนามได้อย่างโดดเด่น รวมไปถึง นูโน ตาวาเรส ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักแต่วันนี้ก็ทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลยในตำแหน่งวิงแบ็คซ้ายจนมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมเก็บ8คะแนนสำคัญกลับบ้านไปได้ในที่สุด
4. เชลซี แพ้ในบ้าน 3 นัดติดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
ความปราชัยในเกมนี้ของ สิงโตน้ำเงินคราม นับเป็นความพ่ายแพ้ใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ 3 นัดติดต่อกันเริ่มจาก พ่าย เบรนท์ฟอร์ด 1-4 โดน เรอัล มาดริด บุกมาเอาชนะ 1-3 และล่าสุดกับการแพ้ ทัพปืนใหญ่ 2-4 เสียไปถึง 11 ประตู ซึ่งหนล่าสุดที่พวกเขาเคยแพ้ในบ้าน 3 เกมติดต่อกันต้องย้อนกลับไปในปี 1993 หรือ 29 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาไม่ชนะใคร 11 นัดติดต่อกัน โดยปราชัยในบ้าน 3 เกมรวดต่อ นอริช ซิตี้ 1-2 โอลด์แฮม 0-1 และคู่แข่งในวันนี้อย่าง อาร์เซนอล 0-2 จากประตูของ อลัน สมิธ และ เอียน ไรท์ นั่นเอง
5. โอกาสลุ้นท็อป 4 ปืนใหญ่
3 คะแนนในเกมนี้มีความหมายสุด ๆ กับ อาร์เซนอล ในการลุ้นตำแหน่งท็อป 4 เพราะมันทำให้พวกเขาไล่บี้อันดับ 4 อย่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ มาแบบติด ๆ ชนิดที่แต้มเท่ากันที่ 57 คะแนนหลังผ่านไป 32 เกมเหมือนกันแต่ผลต่างประตูได้-เสีย ไก่เดือยทอง ดูดีกว่าที่ +18 ส่วน ปืนใหญ่ +10 ประตู โดยโปรแกรมนัดถัดไปของ สเปอร์ส จะต้องบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ส่วน อาร์เซนอล จะได้เล่นในบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกหนึ่งคู่แข่งที่กำลังไล่จี้มาติด ๆ จนเหลือช่องว่าง 3 คะแนนแล้วแต่ ปีศาจแดง ลงเล่นไปมากกว่า 1 เกมด้วยกัน
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด