แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 วูล์ฟแฮมป์ตัน: ประเด็นร้อนหลังความปราชัยคาบ้านของ ปีศาจแดง เมื่อคืนที่ผ่านมา
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: คืนวันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2022
เวลาแข่งขัน: 00:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 วูล์ฟแฮมป์ตัน
สนาม: โอลด์ แทรฟฟอร์ด
1. วูล์ฟส์ มาเหนือชั้น
อย่างที่หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าซีซั่นนี้ บรูโน ลาจ เข้ามายกระดับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ให้เป็นอีกหนึ่งทีมที่ทำผลงานได้อย่างน่ากลัวจนทีมใหญ่ต่างเข็ดขยาด ซึ่งวันนี้พวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งตั้งแต่เริ่มต้นเกมด้วยการเป็นฝ่ายเปิดฉากครองเกมบุกใส่ทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ทั้งที่เล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยตลอด 45 นาทีแรกพวกเขามีจังหวะเกือบขึ้นนำหลายต่อหลายครั้งในขณะที่ ปีศาจแดง ยังเซ็ตเกมของตัวเองไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นในครึ่งหลัง ลาจ ยังอ่านเกมขาดด้วยการสั่งลูกทีมให้ถอยลงมารับบ้างเพื่อเปิดพื้นที่พร้อมส่งจอมทะลุทะลวงอย่าง อดามา ตราโอเร ลงมาเปลี่ยนเกม และก็เห็นผลชัดเจนจนในที่สุดก็สามารถคว้า 3 คะแนนกลับมาไปเฉยชมได้อย่างน่าภาคภูมิใจไม่ใช่แค่มาอุดและฟลุ๊คยิงชนะเหมือนที่ทีมเล็กมักจะเป็นกัน
2. 4-2-2-2 ของ รังนิค เริ่มถูกตั้งคำถาม
แนวทางการเล่นของ ราล์ฟ รังนิค กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาวิจารณ์อีกครั้ง หลังจากนับตั้งแต่เปลี่ยนแนวทางมาเล่นแบบ 4-2-2-2 ผลงานของ ปีศาจแดง ก็ดูจะยังไม่มีวี่แววว่าจะดูดีขึ้นเท่าใดนัก เว้นแต่นัดก่อนที่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะจนเอาชนะที่เต็งตกชั้นอย่าง เบิร์นลีย์ มาได้ แต่เมื่อต้องมาเจอกับ วูล์ฟส์ ที่ระบบจัดว่าเข้มแข็งกว่าก็เป็นฝ่ายต้องตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แถมเกมเพลสซิ่งที่โฆษณาเอาไว้ก็ไม่มีให้เห็น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นทีมเยือนที่เป็นฝ่ายบีบพื้นที่สูงได้มีประสิทธิภาพมากกว่าอีกด้วย อีกทั้งการอัดกองหน้าตัวเป้ามาถึง 2 คนก็แทบไม่มีประโยชน์เลยเมื่อแดนกลางไม่สามารถคุมเกมไว้ได้ จนเริ่มเกิดคำถามในหมู่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วว่าปัญหามันอยู่ที่แผนการเล่น หรืออยู่ที่นักเตะมือไม่ถึงกันแน่ ?
3. ผีแดง แก้เกมไม่ผ่าน !
เกมนี้เห็นได้ชัดว่าครึ่งแรก วูล์ฟส์ เหนือกว่าแต่ยังโชคดีที่ยังไม่มีประตู จนกระทั้งพักครึ่ง แฟน ๆ หลายคนต่างวิเคราะห์ถึงแนวการการแก้เกมแบบเร่งด่วนให้ทีมสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเหนือกว่าให้ได้ แต่แล้วหลังจากลงสนามไปทุกอย่างก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลยทั้งวิธีการเล่นรวมถึงแนวการการเข้าทำ ซ้ำร้ายยังเปลี่ยนตัว เมสัน กรีวูด ที่แม้จะไม่ได้โดดเด่นมากแต่ก็เป็นคนหนึ่งที่เล่นได้เข้าตาสุดในบรรดาแนวรุกออก และส่ง บรูโน ตัวทีเด็ดลงสนามมา ซึ่งหลังจากนั้นแม้ แรชฟอร์ด และ เอลันก้า จะถูกส่งตามลงมาแต่ก็ไม่สามารถแก้เกมได้อย่างเห็นผล จนเกิดประเด็นขึ้นมาว่าทำไมไม่ให้โอกาส เจสซี ลินการ์ด หรือแม้แต่ ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค ที่รอเวลาแบบนี้ในการพิสูจน์ตัวเองบ้าง ในที่สุดพวกเขากลับไม่ได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง พร้อมกับทีมที่ต้องจบลงด้วยความพ่ายแพ้จากการแก้ปัญหาไม่ตกแบบเดิม ๆ จนทำให้ รังนิค ประเดิมความปราชัยครั้งแรกในฐานะกุนซือลีกเมืองผู้ดีเป็นที่เรียบร้อย
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด