แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เชลซี : 4 ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก เรือใบ เปิดบ้าน เชือด สิงห์บลู
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2022
เวลาแข่งขัน: 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เชลซี
สนาม: เอติฮัด สเตเดี้ยม
1. เรือใบ คุมเกมกลางสนามได้อยู่หมัด
รูปเกมในวันนี้ต้องบอกว่าเป็นไปตามคาดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายครองเกมบุกและ เชลซี เป็นฝ่ายตั้งรับและรอสวนกลับ แต่สิ่งที่ผิดคาดไปเล็ก ๆ คือการที่ เรือใบสีฟ้า คุมเกมกลางสนามไว้ได้อย่างอยู่หมัดกดให้ สิงห์บลู ออกบอลไม่ได้จนต้องเตะทิ้งเตะขว้าง ซึ่งนี่คือจุดเด่นของการเล่นแบบ ฟอลส์ 9 ที่ทำให้แดนกลางมีตัวผู้เล่นค่อนข้างจะได้เปรียบคู่แข่ง ทั้งการต่อบอลในเกมรุกและการไล่บีบกดดันในเกมรับ จนทำให้ สิงโตน้ำเงินคราม หาโอกาสยิงไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในช่วง 45 นาทีแรก
2. กราบซ้าย เชลซี เป็นบ่อ
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงของ เชลซี ในเกมนี้คือการขยับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ปกติเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งซ้ายย้ายไปยืนประจำตำแหน่งด้านขวา แล้วส่ง มาล็อง ซารร์ ลงประสานงานกับ มาร์กอส อลอนโซ และเมื่อจอมรั่วทั้งสองคนมายืนเคียงข้างกัน จึงไม่แปลกที่วันนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จะผลัดเปลี่ยนกันมาเจาะบ่อน้ำมันกันเป็นว่าเล่น แถมวันนี้คู่หูเกมรับทางกราบซ้ายเกมรับก็ไม่นิ่งแถมเกมรุกก็ไปไม่รอด จนต้องเหนื่อยพี่ใหญ่อย่าง ติอาโก้ ซิลวา ต้องมาตามเก็บกวาดให้อยู่กลายต่อหลายครั้ง
3. ตำแหน่งที่ทดแทนกันไม่ได้
หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าตำแหน่ง “วิงแบ็ค” คือหัวใจสำคัญในแนวทางการทำทีมของ โธมัส ทูเคิล ซึ่งก่อนหน้านี้มีบทบาทอย่างมากทั้งเกมรุกและรับ โดยเฉพาะการมี เบน ชิลเวลล์ และ รีซ เจมส์ ที่ฟอร์มร้อนแรงสุด ๆ ในฤดูกาลนี้ส่งให้พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล กระทั่งอาการบาดเจ็บได้พรากตัวทั้งสองคนไปโดยเฉพาะในรายของ ชิลเวลล์ ที่เจ็บยาวทั้งฤดูกาล ด้วยเหตุนั้นเองทำให้ผลงานของ สิงห์บลู ตกลง ๆ เรื่อย ๆ และเกมนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าการขาดตัวหลักในตำแหน่งนี้ไปส่งผลอย่างใหญ่หลวงโดยเฉพาะเกมรุกริมเส้นที่ดรียกได้ว่าความน่ากลัวหายไปเกินกว่าครึ่งเลยก็ว่าได้
4. เรือใบ มาแรงแซงม้วนเดียวแชมป์ ?
ผลจากชัยชนะในเกมนี้ทำให้ เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำแต้มห่าง เชลซี ไปแล้วถึง 13 คะแนนโดยที่พวกเขาลงแข่งเท่า ๆ กัน แถมยังทิ้งห่าง ลิเวอร์พูล อันดับ 3 ไปแล้วถึง 14 คะแนนแต่ทาง หงส์แดง ลงแข่งน้อยกว่า 2 เกม ซึ่งแน่นอนว่าต้องชมควาคงเส้นคงวาของ แมนฯ ซิตี้ ที่ไม่ค่อย ๆ มาแบบไม่รีบร้อน เล่นเกมของตัวเองมาแบบเงียบ ๆ จนเครื่องติดก็สามารถแซงปาดหน้าคู่แข่งจนนำโด่ง ในขณะที่ผู้ท้าชิงต่างทยอยสะดุดกันเป็นว่าเล่น อีกทั้งความพ่ายแพ้ต่อ ซิตี้ ทั้งสองนัดในฤดูกาลนี้ของ สิงห์บลู ก็ชัดเจนว่าพวกเขายังมีอะไรต้องปรับปรุงหากต้องการจะมาเขย่าบัลลัง เรือใบ ในปีหน้า และหากจะให้เดาก็คงต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเข้าป้ายแชมป์ พรีเมียร์ลีก ปีนี้ไปได้แบบไร้ข้อกังขาแล้วก็เป็นได้
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด