อังกฤษ 3-0 เซเนกัล: เก็บตกประเด็นหลังเกม ฟุตบอลโลก 2022 สิงโตคำราม ฟอร์มดุทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
รายการ: ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน: คืนวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2022
ผลการแข่งขัน: อังกฤษ 3-0 เซเนกัล
สนาม: อัล เบย์ท สเตเดี้ยม
อังกฤษ เครื่องร้อนช้า
เหมือนกับนัดก่อน ๆ ที่วันนี้ตลอดครึ่งชั่วโมงแรกทีมชาติอังกฤษมักจะถูกคู่แข่งบุกกดดันอย่างหนัก ซึ่งก็เช่นเดียวกับเกมนี้แต่โชคดีที่เกมรับของพวกเขายังคงทำหน้าที่ได้ดีรวมถึง จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่เซฟลูกยิงจ่อ ๆ ของ ดีอา ไว้ได้ช่วยให้ทีมไม่โดนขึ้นนำ ซึ่งกว่าจะเครื่องติดต้องรอให้ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกมาก่อนจึงจะเริ่มตั้งเกมได้และหลังจากนั้นเกมรุกของ สิงโตคำราม ก็ดูจะดุดันขึ้นตามลำดับจนเป็นที่มาของ 2 ประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก และนั่นทำให้เกมแทบจะจบลงแล้วก็ว่าได้ เพราะหลังจากเริ่มครึ่งหลัง อังกฤษ ก็เล่นคุมเกมอย่างรัดกุมจน เซเนกัล หาจังหวะยิงเข้ากรอบไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวและกลายเป็น ทัพทรีไลออน ที่มาได้ประตูที่สามชนะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปแบบใส ๆ ในค่ำคืนนี้
เซเนกัล บุกยับแต่จบไม่คม
เซเนกัล เป็นทีมที่ตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์มาในปีนี้พวกเขาไม่มีเกมใดเลยที่หาโอกาสจบสกอร์ได้น้อยกว่าคู่แข่ง เช่นเดียวกับในนัดนี้ที่พวกเขามีโอกาสได้สับไกถึง 10 หนขณะที่ อังกฤษ ทำได้แค่ 8 แต่ข้อแตกต่างก็คือ สิงโตคำราม ยิงตรงกรอบไป 4 แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 3 ลูกขณะที่ เซเนกัล บุกแทบตาย แต่กดเข้ากรอบไปเพียงครั้งเดียวไม่เข้า ที่เหลือยิงนกตกปลาเป็นว่าเล่น ก็ไม่รู้ว่าหากตัวเก่งอย่าง ซาดิโอ มาเน ฟิตติดทีมชุดนี้มาด้วยปัญหาตรงนี้จะยังมีอยู่อีกหรือไม่ก็เป็นอะไรที่น่าชวนคิด
แดนกลางอังกฤษลงตัวสุด ๆ
วันนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังคงตัดสินใจใช้ 3 ประสานแดนกลางชุดเดิมที่ถล่ม เวลส์ มา 3-0 ประกอบด้วย ดีแคลน ไรซ์ เป็นตัวรับคอยตัดบอลเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คอยคุมจังหวะเป็นตัว บ็อกทูบ็อก วิ่งขึ้นลงและ จู้ด เบลลิงแฮม เป็นตัวฟรีสามารถขยับออกริมเส้นรวมถึงเติมเข้ากรอบเขตโทษได้อย่างอิสระ ซึ่งวันนี้ทั้งสามคนประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติจนยกระดับเกมกลางสนามให้เหนือว่า เซเนกัล ได้แบบชัดเจนและเป็นที่มาของชัยชนะในที่สุด
คู่หยุดโลก อังกฤษ ฝรั่งเศส
จากชัยชนะในเกมนี้ทำให้อังกฤษผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้ ซึ่งคู่แข่งในรอบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แชมป์เก่าฟอร์มแรงอย่าง ฝรั่งเศส ที่ถล่ม โปแลนด์ 3-1 ไปเมื่อช่วงหัวค่ำนั่นเอง โดยต้องบอกว่าคู่นี้เป็นเกมที่แฟนบอลจะพลาดไปไม่ได้เด็ดขาดเพราะเป็นการพบกันของสองทีมเต็งชนิดที่หากคู่นี้จะเป็นนัดชิงชนะเลิศก็ดูสมศักดิ์ศรี น่าเสียดายที่จะมีแค่เพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ไปต่อ ด้วยฟอร์มของอังกฤษเองก็ดุดันเน้นความแน่นอน ส่วนฝรั่งเศส คิเลียน เอ็มบัปเป้ ก็กำลังร้อนแรงสุด ๆ ต้องมาลุ้นกันว่าที่สุดแล้วใครจะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนกันคืนวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคมนี้ ตี 2 ห้ามพลาด !
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด