ลิเวอร์พูล 3-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้: เก็บตกประเด็นหลังเกม คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2022/23 หงส์แดง ผงาดคว้าชัย
การแข่งขัน: ฟุตบอลคอมมูนิตี้ ชิลด์ 2022/23
วันแข่งขัน: วันเสาร์ร์ที่ 30 กรกฎาคม 2022
เวลาแข่งขัน: 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: ลิเวอร์พูล 3-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม: คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม
1. แมนฯ ซิตี้ ไม่ดุดันเหมือนปีก่อน
ตลอด 90 นาทีในเกมวันนี้แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายครองบอลและหาโอกาสยิงได้มากกว่าตามฟอร์ม แต่ก็เห็นได้ชัดถึงความแข็งแกร่งดุดันที่ลดน้อยลงไปจากฤดูกาลก่อนชัดเจน แน่นอนว่านี่ยังเป็นเพียงเกมการกุศล แต่กระนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่ก็เป็นตัวหลักของซึ่งวันนี้ตกเป็นฝ่ายที่เล่นไปเข้าแผนของ ลิเวอร์พูล ไปเสียหมด ที่สำคัญคือเกมรุกที่เป็นจุดเด่นก็ไม่สามารถกดดันคู่แข่งได้เหมือนกับเกมนัดก่อน ๆ ที่พบกันมาอีกด้วย
ก็คต้องมาลุ้นกันว่าที่สุดแล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะมีไม้เด็ดมาเรียกความขลังของทีมกลับมาได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่านายใหญ่ชาวสเปนอาจจะจงใจออมมือลองแผนลองผู้เล่นแล้วค่อยปล่อยของเอาจริงในเกมลีกที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นก็เป็นได้...
2. คล็อปป์ กับแชมป์ทุกรายการในอังกฤษ
ชัยชนะในเกมนัดนี้ส่งผลให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถคว้าแชมป์ทุกรายการที่มีในอังกฤษมาครองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังเป็นการพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีจากที่เคยทำได้ครั้งหลังสุดในยุคของ ราฟา เบนิเตซ เมื่อปี 2006 ซึ่งหลังจากนั้นแม้ว่าพวกเขาจะเข้าชิงได้อีก 2 ครั้งแต่ก็พ่ายการดวลจุดโทษต่อทั้ง อาร์เซนอล และ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2019 และ 2020 อีกทั้งการเป็นแชมป์ในปีนี้ส่งผลให้ หงส์แดง เป็นสโมสรที่เคยชูถ้วยใบนี้มากที่สุดเป็นอันดับสองเทียบเท่ากับ อาร์เซนอล ที่ 16 สมัยเป็นรองเพียง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำไว้มากถึง 21 สมัยด้วยกัน
3. เดอะแบกยังเป็นหน้าเดิม
ก่อนเกมวันนี้หลายคนคงจะจับตาดูผลงานของนักเตะหน้าใหม่ที่ทั้งสองสโมสรทุ่มเงินคว้าตัวเข้ามาร่วมทีมในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายแกนหลักของทั้งสองทีมก็ยังเป็นซุเปอร์สตาร์หน้าเดิมอย่าง โม ซาลาห์ ที่วันนี้ยิง 1 จ่าย 1 แถมยังสร้างความปั่นป่วนในเกมรับทางกราบขวาได้ดีเหมือนเดิม เช่นเดียวกับ เควิน เดอ บอรยน์ ที่เห็นได้ชัดว่าเขาก็ยังเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุก เรือใบสีฟ้า ที่อันตรายทุกครั้งในยามที่ได้เล่นกับบอลแถมก็ยังเห้นความต่างชัดเจนในยามที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไป
4. สองสตาร์หน้าใหม่ยังต้องจูนอีกมาก
ไฮไลท์สำคัญในเกมนี้ที่หลายคนเฝ้ารอคงหนีไม่พ้นการดูฟอร์มของสองหัวหอกซุเปอร์สตาร์ทั้ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ ดาร์วิน นูนเญซ แบบชัด ๆ ซึ่งวันนี้กองหน้าชาวอุรุกวัยของ ลิเวอร์พูล ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังและทำได้หนึ่งประตู แต่หากดูรวม ๆ แล้วยังคงต้องปรับปรุงอีกมากแม้วันนี้การวิ่งทำทางการประสานงานกับเพื่อนจะทำได้ดี แต่การใช้โอกาสเปลืองยังแก้ไม่หาย ซึ่งนี่ก็เป้นการบ้านให้กับ คล็อปป์ ต้องกับไปคิดเพื่อที่จะเรียกฟอร์มเก่งของศูนย์หน้ารายนี้ออกมาให้ได้ เช่นเดียวกับ ฮาแลนด์ ที่วันนี้จะพูดว่าน่าผิดหวังก็คงไม่ผิดอะไรเพราะตลอด 90 นาทีที่อยู่ในสนาม บทบาทกับทีมค่อนข้างน้อย แถมพอมีโอกาสก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งการหาช่องการเคลื่อนที่ยังดูสับสนชัดเจน ซึ่ง เป๊ป เองก็คงจะต้องนำจุดบกพร่องเหล่านี้มาแก้ไขก่อนที่ความมั่นใจของหนุ่มน้อยรายนี้จะค่อย ๆ ลดถอยลง
5. ของจริงสุดสัปดาห์หน้า
หลังสิ้นสุดเกมนี้หลายคนคงจะทราบแล้วว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งปีนี้จะลงประเดิมสนามตั้งแต่คืนวันศุกร์เลยทีเดียว โดยทั้งสองทีมจะมีโปรแกรมลงแข่งคนละวัน ลิเวอร์พูล จะได้เล่นก่อนตั้งแต่เย็นวันเสาร์เวลา 18.30 น. ด้วยการออกไปเยือน ฟูแลม น้องใหม่ ส่วน แมนฯ ซิตี้ จะเจอของแข็งกว่าเพราะต้องบุกไปลอนดอน ลงเล่นกับ เวสต์แฮม ทีมม้ามึดที่ปีนี้เสริมทัพได้ค่อนข้างน่ากลัวในวันอาทิตย์เวลา 22.30 น. โดยทั้งสองเกมจะถ่ายทอดสดผ่านทาง True Premier Football 1 และ True Premier Football 2 เหมือน ๆ กัน แฟนบอลตัวจริงห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง !
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด